คำประพันธ์ ๒ ข้อใดมีคำสมาส
๑. ถึงบุญมีไม่ประกอบชอบไม่ได้ ต้องอาศัยคิดดีจึงมีผล
๒. มิคลาดเคลื่อนเหมือนองค์พระทรงเดช แต่ดวงเนตรแดงดูดังสุริย์ฉาย
๓. ตรัสแล้วแกว่งตรีเกรียงไกร แสงกระจายพรายไปดั่งไฟกาล
๔. ทั้งปิ่นเกล้าเจ้าพิภพจบสากล ให้ผ่องพ้นภัยสำราญผ่านบุรินทร์
๕. ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
ตอบ ๔) ง. และ จ.
สมาส คือ การสร้างคำขึ้นใหม่โดยการนำคำมูลบาลีหรือสันสกฤตตั้งแต่สองคำขึ้นไปซึ่งมีความหมายต่างกันมาเรียงต่อกันแล้วเกิดคำใหม่ ซึ่งแปลความหมายจากคำหลังมาคำหน้า สมาสมีอยู่ ๒ ชนิด คือ สมาสแบบไม่กลืนเสียง และ สมาสแบบกลืนเสียง
สมาสแบบไม่กลืนเสียง คือ การนำคำมูลบาลีหรือสันสกฤตมาต่อเรียงกันแล้วเกิดคำใหม่ เช่น
ประวัติ + ศาสตร์ = ประวัติศาสตร์
สมาสแบบกลืนเสียง คือ การนำคำมูลบาลีหรือสันสกฤตมาต่อเรียงกันแล้วมีการกลืนเสียงท้ายของคำหน้ากับเสียงต้นของคำหลังแล้วเกิดคำใหม่ เช่น
ศึกษา + อธิการ = ศึกษาธิการ
มนสฺ + ภาพ = มโนภาพ
สํ + คม = สังคม
ตัวเลือกที่ ก. ผิด เพราะไม่มีคำสมาส
ตัวเลือกที่ ข. ผิด เพราะไม่มีคำสมาส
ตัวเลือกที่ ค. ผิด เพราะไม่มีคำสมาส
ตัวเลือกที่ ง. ถูก เพราะมีคำสมาสแบบกลืนเสียง คือ บุรี + อินทร์ = บุรินทร์
ตัวเลือกที่ จ. ถูก เพราะมีคำสมาสแบบไม่กลืนเสียง คือ ศิลปะ + กรรม = ศิลปกรรม