หากพูดถึง Blue Carbon อาจจะมีหลายคนที่สงสัยว่ามันคืออะไร แต่หากพูดถึง Green Carbon หลายคนคงพอคุ้นเคยอยู่บ้าง สำหรับ Green Carbon คือ การดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกต้นไม้ใบเขียว ซึ่งพวกมันจะช่วยเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กลายเป็นออกซิเจน ขณะที่บลูคาร์บอน (Blue Carbon) ก็คือ การที่คาร์บอนไดออกไซด์ถูกดูดซับโดยมหาสมุทรและระบบนิเวศชายฝั่ง ทั้งป่าชายเลน ที่ราบน้ำท่วมถึง และแหล่งหญ้าทะเล เป็นการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ซึ่งการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยระบบนิเวศชายฝั่งทะเล จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เร็วกว่า Green Carbon ถึง 4 เท่า เนื่องจากมหาสมุทรและระบบนิเวศชายฝั่งสามารถดึงคาร์บอนลงไปเก็บไว้ใต้ดินได้ถึง 50-99 เปอร์เซ็นต์
แนวคิด Blue Carbon หรือเรียกว่าการเติบโตสีน้ำเงิน (Blue growth) เป็นแนวคิดใหม่ของสหภาพยุโรป เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับทะเล เพราะทะเลเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญและมีมาก จะเห็นได้ว่า ทะเลได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ เช่น ปริมาณน้ำในทะเลมากเกินไปจนท่วมพื้นที่ชายฝั่ง หรือแม้กระทั่งทะเลเสื่อมโทรม ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่ว่า ทะเลน่าจะมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ และทะเลน่าจะมีบทบาทสำคัญในวัฎจักรหมุนเวียนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลก
จะเห็นได้ว่า พื้นที่บริเวณชายฝั่งมีส่วนอย่างมากในการช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ระบบนิเวศชายฝั่งช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนี้
1. ระบบนิเวศชายฝั่งจะช่วยให้คาร์บอนตกตะกอนในมหาสมุทร ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
2. ปริมาณคาร์บอนถึง 95% ที่หญ้าทะเลสามารถกักเก็บไว้ในชั้นดิน
3. ความลึก 6 เมตรของชั้นมวลชีวภาพของระบบนิเวศชายฝั่งสามารถกักเก็บคาร์บอนได้
4. การลดลงของป่าชายเลนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ สามารถส่งผลให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- "โกงกาง" ต้นไม้แห่งป่าชายเลน