ภาษาอังกฤษ ม. 6 : เปรียบเทียบการใช้ Present Perfect Tense vs Past Simple Tense
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 8.1K views



เปรียบเทียบการใช้ Present Perfect Tense vs Past Simple Tense

Present Perfect Tense และ Past Simple Tense ใช้พูดถึงเรื่องราวในอดีต หรือเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วเหมือนกัน แต่ทั้งสอง Tense มีความแตกต่างกันดังนี้  


Present Perfect Tense

โครงสร้าง : S + have/has + past participle (V.3)

I, You, We, They และประธานพหูพจน์ ใช้ have
He, She, It และประธานเอกพจน์ใช้ has


การใช้ Present Perfect Tense  

1. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน เช่น

Pim has lived in London since 2010.
(พิมอาศัยอยู่ที่ลอนดอนตั้งแต่ปี 2010)

I have studied English for a long time.
(ฉันเรียนภาษาอังกฤษมานานแล้ว)

ข้อสังเกต : ในประโยคจะมีคำหรือกลุ่มคำบอกเวลา คือ
since = ตั้งแต่ (จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 7 o’clock, since last week, since 2010)
for = เป็นเวลา (จำนวนของเวลาที่นับจากเริ่มต้น เช่น for two weeks, for five hours, for ten years)
ever since = ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (จนถึงเดี๋ยวนี้)
so far = เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้
up to now = จนบัดนี้
up to the present time = จนกระทั่งเวลานี้, จนถึงบัดนี้


2. เพื่อบอกการกระทำที่เคยทำบ่อย ๆ ในอดีตและอาจเกิดขึ้นอีก หรือเหตุการณ์ที่ไม่เคยทำ เช่น

He has seen that film three times.
(เขาดูหนังเรื่องนั้นมาสามรอบแล้ว)

A: Have you ever been abroad?
    (คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า)
B: Yes, I’ve been to Japan many times.
    (เคย ฉันเคยไปญี่ปุ่นตั้งหลายครั้ง)
C: No, never. I’ve never been abroad.
    (ไม่เคย ฉันไม่เคยไปเมืองนอกเลย)

ข้อสังเกต : คำบอกเวลาในประโยค ได้แก่ ever (เคย), never (ไม่เคย)


3. เพื่อบอกการกระทำที่เพิ่งจบลงใหม่ ๆ หรือเพิ่งเสร็จก่อนที่จะพูดไม่นานนัก เช่น

I have just eaten.
(ฉันเพิ่งกินเสร็จ)

My brother has just returned from Italy.
(พี่ชายของฉันเพิ่งกลับมาจากอิตาลี)

We have just seen them.
(พวกเราเพิ่งเห็นพวกเขา)

รูปปฏิเสธของ Present Perfect Tense เพียงเติม not หลัง have/has เป็น haven’t /hasn’t เช่น

We haven’t seen him today.
(พวกเราไม่เห็นเขาเลยวันนี้)

รูปประโยคคำถามของ  Present Perfect Tense นำ have/has มาขึ้นต้นประโยค เช่น

Have you ever been abroad?
(คุณเคยไปต่างประเทศไหม)

หรือประโยคคำถามปฏิเสธ เช่น Hasn’t he eaten fish? หรือ Has he not eaten fish? (เขาไม่กินปลาเหรอ)


Past Simple Tense

โครงสร้าง : S + V.2


การใช้ Past Simple Tense

1. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต เช่น

We went to Chiang Mai last week.
(ฉันไปเชียงใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)

Tom arrived at 2.30 p.m. yesterday.
(ทอมมาถึงตอนบ่ายสองครึ่งเมื่อวานนี้)

Did you have dinner last night?
(เมื่อคืนคุณได้ทานดินเนอร์หรือเปล่า)

ข้อสังเกต : คำบอกเวลาแสดงอดีต เช่น yesterday, last week, last month, last year, ago, in 2011 เป็นต้น


2.เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว เช่น

He got up early when he was a boy.
(เขาตื่นแต่เช้าเมื่อเขาเป็นเด็ก /ปัจจุบันไม่ตื่นเช้าแล้ว)

She worked in a bank for many years.
(เธอทำงานที่ธนาคารมาหลายปี / ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว)

รูปปฏิเสธของ Past Simple Tense จะใช้กริยาช่วย Did not (didn’t) + V.1 เช่น

I didn’t like tomatoes before.
(ฉันไม่ชอบมะเขือเทศมาก่อน)

รูปประโยคคำถามของ  Past Simple Tense ใช้ Did + V.1 เช่น

Did you go to the movies last night?
(เมื่อคืนคุณไปดูหนังมาหรือเปล่า)


เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Present Perfect กับ Past Simple

Present Perfect

Past Simple

S + have/has + V.3

I, You, We, They และประธานพหูพจน์ ใช้ have

He, She, It และประธานเอกพจน์ใช้ has

S + V.2

ใช้ V.2 กับประธานทุกตัว

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน เช่น

I have lived in Bangkok for ten years.

(ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว : ปัจจุบันก็ยังอยู่)

 

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบไปแล้ว เช่น

I lived in Bangkok for ten years.

(ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นเวลา 10 ปี : ปัจจุบันไม่ได้อยู่แล้ว)

เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตใครบางคน (ถ้าคนนั้นยังมีชีวิตก็คือ ประสบการณ์ชีวิต) เช่น

Nid has never travelled by plane.

(นิดไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบิน / นิดยังมีชีวิตอยู่)

เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตใครบางคน (ถ้าคนนั้นคือคนที่ตายไปแล้ว) เช่น

Nid travelled a lot by plane.

(นิดเคยเดินทางด้วยเครื่องบินหลายครั้ง / นิดตายไปแล้ว)

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ระบุเวลาในอดีต และมีผลกระทบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น

I have lost my wallet.

(ฉันทำกระเป๋าสตางค์หาย / ซึ่งหาไม่เจอเป็นผลให้ตอนนี้ไม่มีเงิน)

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบไป โดยไม่มีผลถึงปัจจุบัน เช่น

I lost my wallet yesterday.

(เมื่อวานฉันทำกระเป๋าสตางค์หาย / ซึ่งแจ้งอายัดบัตร ATM, บัตรเครดิต และซื้อกระเป๋าสตางค์ใหม่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ไม่มีผลกระทบต่อเนื่องถึงปัจจุบัน)

ใช้กับคำที่ไม่ได้ระบุเวลาชัดเจน เช่น today, this week, this year เป็นต้น) โดยที่ช่วงเวลาก็ยังดำเนินต่อไป เช่น

I have worked hard this week.

(สัปดาห์นี้ฉันทำงานหนัก / สัปดาห์นี้ยังไม่จบ ก็ยังคงทำงานหนักต่อไป)

ใช้กับคำบอกเวลาที่ระบุว่าจบไปแล้ว เช่น yesterday, last week, last month, last year, in 2015 เป็นต้น เช่น

I worked hard last week.

(สัปดาห์ที่แล้วฉันทำงานหนัก / สัปดาห์ที่แล้วจบไปแล้ว)

ข้อควรจำ :

คำบอกเวลาที่มี in the กับไม่มี in the มีความหมายแตกต่างกัน เช่น last week – in the last week, last month – in the last month, last year – in the last year ดังนี้

- last week หมายถึง สัปดาห์ที่แล้วก่อนตอนนี้ ซึ่งเป็นการระบุเวลา จึงต้องเป็น Past Simple Tense
- in the last week หมายถึง ตั้งแต่ 7 วันก่อนจนถึงขณะนี้ ซึ่งไม่ได้ระบุเวลา จึงต้องเป็น Present Perfect Tense