วันคริสต์มาส
ภาพประกอบจาก https://pixabay.com/th/
วันคริสต์มาส หรือวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี คริสตศาสนิกชนถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งเพราะเป็นวันประสูติของพระเยซูซึ่งเป็นศาสดาของเขา ซึ่งจะมีการทำพิธีทางศาสนาและเฉลิมฉลองกันใหญ่โต จัดเป็นเทศกาลอันแสดงถึงความรักความปรารถนาดี ระหว่างญาติสนิทมิตรสหายก็น่าจะได้ เพราะไม่ว่าจะอยู่ไกลกันแค่ไหนเขาก็จะกลับมาพบกัน มาร่วมฉลองเทศกาลด้วยกัน เราคนไทยก็พลอยได้บรรยากาศที่สดชื่นของเทศกาลไปด้วย จากการตกแต่งประดับประดาตามบริษัทห้างร้านหรือธุรกิจให้บริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างประเทศด้วยสิ่งสัญลักษณ์ของหลัก ๆ ก็มีต้นไม้ที่คล้ายต้นสน ผู้ชายชราอ้วนพุงพลุ้ยหน้าตาใจดีแต่งกายด้วยชุดสีแดงคาดเข็มขัดเส้นโตสีดำกับหมู่กวางแล้วก็เสียงเพลงประจำเทศกาล คริสต์มาสผ่านไปกี่ปีบรรยากาศที่ว่านี้ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งนี้เพราะทุกๆ สิ่งมีที่มาเล่าเป็นตำนานสืบทอดบ้าง เป็นเอกสารหลักฐานบ้าง
ภาพประกอบจาก https://pixabay.com/th/
ในเรื่องของต้นคริสต์มาสอันเป็นจุดสำคัญของการเฉลิมฉลอง ต้นไม้สีเขียวที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับต้นสนนั้น มีตำนานหนึ่งบอกว่าเกิดจากนักบุญโบนีเฟซ ชาวอังกฤษที่มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 8 ได้ไปสอนศาสนาในเยอรมัน เขาได้ตัดต้นโอ๊คที่พวกคนป่าเถื่อนใช้เป็นที่ประหารชีวิตมนุษย์เพื่ออุทิศแก่พระเจ้า เมื่อต้นโอ๊คนั้นล้มลงกลับได้พบต้นไม้เล็ก ๆ ต้นหนึ่งไม่เป็นอันตราย จึงได้ขุดต้นไม้นั้นให้กับคนที่ร่วมพิธีกรรม เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต ปัจจุบันชาวคริสต์ก็ยังนิยมตั้งต้นคริสต์มาส เพราะเห็นว่ามีความหมายถึงพระเยซู ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิตที่เขียวสดเสมอทุกฤดูกาล สำหรับผู้ที่ริเริ่มใช้ต้นไม้ตกแต่งบ้านฉลองคริสต์มาสก็คือมาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน เนื่องจากในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ขณะเดินทางกลับบ้านเขาเห็นดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่เหนือต้นไม้ จึงคิดว่าคืนที่พระเยซูประสูติและมีฑูตสวรรค์มาส่งข่าวแก่คนเลี้ยงแกะนั้นบรรยากาศก็คงจะเหมือนกับที่เห็น เขาจึงคิดตกแต่งภายในบ้านด้วยกิ่งสนแล้วจุดเทียนประดับไว้ บางตำนานก็พูดถึงฤดูหนาวที่หนาวจัด บรรยากาศเศร้าซึมธรรมชาติไม่สวยงาม ต้นไม้ใหญ่ก็จะพากันตายหมด คงจะมีแต่ต้นฮอลลี่ ต้นสน กับไอวี่เท่านั้น ที่มีใบสีเขียวตลอดปี จึงนำมาตกแต่งทั้งภายใน-ภายนอกบ้านให้ดูสดชื่นสวยงาม โดยเฉพาะต้นฮอลลี่นั้นมีผลเป็นสีแดง สีเขียวกับสีแดงก็จึงเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาสด้วย
ภาพประกอบจาก https://pixabay.com/th
สำหรับเรื่องของซานตาคลอสชายชราใจดีกับหมู่กวางเรนเดียร์นั้น ตามตำนานบอกว่าเขาคือเซ็นต์นิโคลาสหรือนักบุญนิโคลาส เป็นชาวกรีก เกิดที่เมืองลีเซียในเอเซียไมเนอร์เมื่อปลายคริสตศตวรรษที่ 3 เป็นคนเคร่งศาสนา และมีใจเมตตาต่อคนยากคนจนมาก ชาวฮอลแลนด์นับถือเซ็นต์นิโคลาสมากถือเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็ก ๆ เมื่อชาวฮอลแลนด์อพยพไปอยู่ในสหรัฐก็ยังรักษาประเพณีฉลองเซ็นต์นิโคลาสไว้ อันหมายถึงนักบุญจะมาเยี่ยมเด็ก ๆ เอาของขวัญมาให้ เด็กอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เชื้อสายของชาวฮอลแสนด์ก็อยากมีส่วนร่วมในประเพณีบ้างเพื่อรับของขวัญ ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในอเมริกา และที่เรียกขานว่าซานตาคลอสนั้นเชื่อกันว่าเพี้ยนเสียงมาจากคำที่พวกฮอลแลนด์เรียก คือดัตช์เขาเรียกเซ็นต์นิโคลาสว่าซินเตอร์ คลาส (Sinter Klass) พวกอพยพอื่นก็อาจจะฟังเป็นซานตาคลอส ส่วนรูปลักษณ์ของซานตาคลอสที่เห็นอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นจินตนาการจากนักวาดการ์ตูนชาวอเมริกันที่ชื่อโธมัส แนสที่เขาได้วาดลงหนังสือพิมพ์ฮาร์เปอร์ส วีคลี่ย์ (Harpers Weekly) เมื่อปี ค.ศ. 1866 ก็เลยกลายเป็นภาพในความทรงจำไป
เทศกาลคริสต์มาส เป็นเทศกาลแห่งความสุขที่คริสตศาสนิกชนยึดถือปฎิบัติกันต่อ ๆ มา แม้แต่ในเมืองไทยของเราก็ยังนิยมกันกว้างขวาง ทั้งนี้ด้วยความที่เราเป็นมิตรไมตรีที่ดีต่อคนทุกชาติ-ศาสนา สถานีวิทยุ อสมท. ขอส่งความปรารถนาดีมายังคริสตศาสนิกชนและเพื่อนมนุษยชาติทุกท่าน ขอให้มีความสุขและความรักต่อกันตลอดไป….สุขสันต์วันคริสต์มาส…
เรียบเรียงจาก
- น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
- นิตย์ อรุณ : นิตยสารหญิงไทย
เกร็ดควรรู้
- เด็กๆ เชื่อกันว่าซานต้าอาศัยอยู่ในสวนหิมะที่ขั้วโลกเหนือ ดังนั้นในทุกปีก็จะมีเด็ก ๆ ชาวอเมริกันเขียนจดหมายถึงซานตาคลอสเป็นจำนวนมากโดยจ่าหน้าซองส่งไปยังขั้วโลกเหนือ และ ณ ที่นั้นจะมีอาสาสมัครหนุ่มสาวชาวอเมริกันจำนวนมากคอยตอบจดหมาย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีความสุข
- ที่อังกฤษปีนี้มีการก่อตั้งสมาคมซานตาแห่งอังกฤษขึ้นใหม่สด ๆ ร้อน ๆ แล้วได้ประกาศจะจัดระเบียบการแต่งเนื้อแต่งตัวของซานตาคลอสให้อยู่ ในกติกาเดียวกัน นับตั้งแต่ความยาวของเครา ขนาดพุงของซานตา การพูดทักทาย “เมอรี่คริสต์มาส” เป็นภาษาต่าง ๆ การเปล่งเสียง โฮ… โฮ…โฮ…ที่สมบูรณ์แบบ ไปจนถึงชื่อของกวางเรนเดียร์ ทั้ง 8 ตัว ทั้งนี้เหตุคงจะเนื่องมาจากยอดจองถ้ำ “ซานตา” ลดลงจากปีที่แล้วถึง 30 % และกระทรวงหรรษา หรือมินิสทรี ออฟฟัน ซึ่งเป็นบริษัทบันเทิงที่อยู่เบื้องหลังสมาคมดังกล่าว กำลังกังวลกับเรทติ้งของซานตาที่ถดถอยลง
- บางครั้งเราจะเห็นมีการใช้คำว่า “X’ mas” แทนคำว่า Christmas ทั้งนี้ เนื่องมาจากคำว่า “คริสต์” นั้น ภาษากรีกใช้ว่า Christos และพยัญชนะ ch ของกรีกเท่ากับพยัญชนะ X ฉะนั้น X จึงกลายเป็นคำย่อของคำว่า “คริสต์” โดยเฉพาะการใช้พยัญชนะ X แทน Christ มีขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างช้าก็ในปี ค.ศ. 1100 และคำว่า X’ mas ปรากฎครั้งแรกปี ค.ศ. 1551 แต่ฝรั่งเองก็ไม่ชอบเขียนคำว่า X’ mas แทน Christmas เท่าใดนัก เพราะเขาจัดไว้ว่าเป็นภาษาที่ไม่มีระดับ หนังสือฝรั่งบางเล่มถึงกับไม่ยอมใช้คำนี้เลยก็มี
ที่มา
- กุลสตรี : พ.ย. 48
- 108 ซองคำถาม : สำนักพิมพ์สารคดี
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษ ประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "วันคริสต์มาส" ผลิตโดย ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ งานบริการการผลิต ฝ่ายออกอากาศวิทยุ กรุงเทพ