อันที่จริงอยากเรียนศิลป์-ฝรั่งเศสมากกว่าเพราะดูจากสภาพเวลาที่เรียนคณิตศาสตร์แล้วไม่น่าจะรอด แต่ที่อาจจะต้องเลือกสายวิทย์เพราะแม่อยากให้เรียน และแม่ก็เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์เสียด้วย ในที่สุดจึงตัดสินในคุยกับแม่ตามตรงว่าสมองของผู้เขียนนั้นคงไปสายวิทย์ไม่ไหวแน่ ๆ ขอเรียนศิลป์-ฝรั่งเศสดีกว่า
ตอนนั้นแปลกใจมากที่แม่ตามใจถึงแม้ว่าจะสังเกตได้ว่าแม่ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยังอยากให้ลูกเรียนในสิ่งที่ลูกเลือก ซึ่งตรงกันข้ามกับเพื่อนอีกคนที่รู้ว่าตนเองไม่ถนัดสายวิทย์ แต่ก็ยังพยายามเรียน และพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ จนเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ตามที่พ่อแม่ของเขาคาดหวังได้ (ก็โชคดีที่เขาเป็นคนเก่งและหัวดี) บอกเลยว่าใครสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ในยุคนั้นได้ถือว่าเท่มาก ตัวผู้เขียนเองก็อดปลื้มใจแทนเพื่อนไม่ได้เพราะเขาเก่งมาก
มารู้ภายหลังว่าเพื่อนเรียนในคณะดังกล่าวเพราะอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ อยากเป็นวิศวกรแบบพ่อและอยากมีแฟนเป็นสาวอักษรศาสตร์แบบแม่ แต่ตัวเพื่อนก็ยอมรับว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เรียนในมหาวิทยาลัยนั้น เขาเรียนด้วยความทุกข์ทรมาน เขาจบวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตได้ด้วยเกรดเฉลี่ยไม่ถึง 3.00 เมื่อมาเป็นวิศวกรภาพฝันที่วาดไว้ก็ไม่ได้เป็นดังที่คิด
เขาพบว่าการเป็นวิศวกรไม่ใช่อาชีพที่ตนอยากทำจริง ๆ เขาเริ่มไม่มีความสุขกับคำว่า “นายช่าง” ถึงแม้ว่าจะพยายามเปลี่ยนบริษัทที่ทำงานมาหลายบริษัท จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พูดคุยกับพนักงานฝ่ายการตลาดของบริษัท เขาค้นพบว่าตัวเองรู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่จะเรียนรู้งานด้านนี้ เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานและเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่คณะเศรษฐศาสตร์ ปรากฏว่าช่วงที่เรียนปริญญาโทนั้น เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมาก เขาเรียนได้ดีเสียจนเป็นอันดับท้อปของรุ่น และทุกวันนี้เขาก็เป็นนักการตลาดที่ฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนคิดได้คือ ในช่วงชีวิตของวัยรุ่นเด็กต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางการเรียน วิชาการที่ยากขึ้น เพื่อนฝูงและความรัก
นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญมากในความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของเด็กในวัยนี้คือ การที่เด็กวัยรุ่นต้องพยายามหาและเลือกทางของชีวิตตนเอง เมื่อเด็กเข้าสู่ในวัยรุ่นเด็กจะต้องเผชิญกับคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวเอง นับตั้งแต่เข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาที่ 3 เด็กวัยรุ่นก็ต้องเริ่มตั้งคำถามแล้วว่าสิ่งที่ตนเรียนขณะนี้และที่จะเรียนต่อไปในอนาคตนั้นตนเองมีความสามารถในแต่ละวิชามากน้อยเพียงใด