อาหารการกิน เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับแม่ท้องที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากแม่ท้องมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้อง ดังนั้น สารอาหาร และพลังงานของทั้งแม่และลูกจึงควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสมเพียงพอ รวมไปถึงสารอาหารจากผลไม้ด้วย ซึ่งผลไม้ที่ควรกินสำหรับแม่ท้อง มีดังนี้
ส้มมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้กับแม่ท้องได้เป็นอย่างดี
มะละกออุดมไปด้วยวิตามินซี สารเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี และแคลเซียม ช่วยให้แม่ท้องขับถ่ายง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยบำรุงระบบประสาทและสายตาได้อีกด้วย
กล้วย อุดมด้วยธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินเอ, บี 1, บี 2, บี 3, บี 6 และวิตามินซี มีใยอาหารสูง ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายของแม่ท้อง ทั้งยังช่วยให้อิ่มท้องนานอีกด้วย
ละมุดเป็นผลไม้ไทย ๆ ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมีประโยชน์จำนวนมาก เช่น อิเล็กโทรไลต์ วิตามินเอ คาร์โบไฮเดรต และพลังงาน แม่ท้องสามารถกินละมุดได้จนถึงช่วงหลังคลอดหรือช่วงในนมลูกได้เลย นอกจากนี้ละมุดยังช่วยป้องกันการวิงเวียน คลื่นไส้ โรคลำไส้แปรปรวน และอุจจาระร่วงได้อีกด้วย
มะพร้าวเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน กลูโคส แคลเซียม ฯลฯ ทั้งยังช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย และดับกระหายได้เป็นอย่างดี
ลูกพรุนมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก จึงช่วยป้องกันเรื่องโลหิตจางของแม่ท้องได้ ทั้งยังมีวิตามินบี 2 ที่ช่วยสร้างแคลเซียม เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
ฝรั่งมีวิตามินซีและวิตามินเอสูง ช่วยให้เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ ทั้งยังช่วยเรื่องเหงือกและฟันให้แข็งแรงอีกด้วย
องุ่นนับเป็นอีกหนึ่งผลไม้ทานเล่นสำหรับแม่ท้อง เพราะมีน้ำตาลกลูโคส ฟรุกโตสที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งยังมีแมกนีเซียม แคลเซียม เหล็ก กรดโฟลิก และวิตามินอีกนานาชนิด
แอปริคอตอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้ ทั้งยังมีวิตามินเอ, ซี, และอี รวมไปถึงฟอสฟอรัส ซิลโคน แคลเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูกในครรภ์ได้อีกด้วย
เชอร์รี่มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับแม่ท้องและลูกน้อยได้ ทั้งยังมีเมลาโทนินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ได้ดี ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยต้านความเครียดได้อีกด้วย
บลูเบอร์รี่ช่วยควบคุมความดันโลหิตของแม่ท้องได้ หากกินในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งยังมีวิตามินนานาชนิด รวมไปถึงแคลเซียมและเส้นใยอาหาร แนะนำว่าแม่ท้องควรกินบลูเบอร์รี่ร่วมกับอาหารอย่างอื่น อาทิ โยเกิร์ต ซีเรียล เพื่อป้องกันการกินที่มากเกินจำเป็น
กีวี่ช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันอาการหวัด ไอ หรือหายใจไม่ออก ทั้งยังช่วยให้เลือดเกาะตัวกันเพื่อให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ง่ายขึ้นได้ เพราะกีวี่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมาย อาทิ วิตามินซี, อี, เอ, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, แมกนีเซียม และเส้นใยอาหาร นั่นเอง
แอปเปิ้ลมีวิตามินซีสูง ช่วยสร้างภูมิต้านทานเชื้อโรค และป้องกันลูกน้อยจากโรคหอบหืดได้ ทั้งยังมีคาร์โบดฮเดรต ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับแม่ท้อง มีแคลเซียมสูงช่วยเสริมสร้างกระดูกของแม่และลูกให้แข็งแรง
มะม่วงอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ฟอสฟอรัส และแคลเซียม ช่วยสร้างกระดูกและฟันให้กับลูกน้อยในครรภ์ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของแม่ท้องให้แข็งแรงได้อีกด้วย
สตรอวเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย ทั้งยังมีสารอาหารจำเป็นอื่น ๆ ต่อร่างกาย อาทิ โฟเลต และแมงกานีส จึงเหมาะสำหรับเป็นอาหารว่างสำหรับแม่ท้องที่ต้องการเพิ่มสารอาหารและวิตามินให้ลูก ทั้งยังได้บำรุงกระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย
แตงโมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม มีสรรพคุณช่วยควบคุมอัตราความดันเลือดของร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อีกด้วย
สับปะรดมีสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 1 ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและหัวใจ, วิตามินบี 6 ช่วยป้องกันโลหิตจาง และบรรเทาอาการแพ้ท้อง รวมไปถึงแมงกานีส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ถึงแม้น้อยหน่าจะเป็นผลไม้หวานน้ำตาลเยอะ แต่หากกินในปริมาณที่เหมาะสม น้อยหน่าก็ให้ประโยชน์มากมายต่อแม่ท้องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วยเรื่องการเจริญเติบโตด้านร่างกายของลูกในท้องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดอาการท้องผูกของแม่ท้องเพราะมีกากใยสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้แม่ท้องกระชุ่มกระชวย และช่วยล้างสารพิษตกค้างได้อีกด้วย
แม้ทับทิมจะเป็นผลไม้ที่กินค่อนข้างยาก เพราะมีเมล็ดมาก แต่แม่ท้องก็สามารถกินได้เหมือนกับผลไม้อื่น ๆ (จะคั้นเป็นน้ำทับทิมก็ได้) เพราะทับทิมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูง รวมไปถึงมีแคลเซียม โฟเลต ธาตุเหล็ก และสารอาหารจำเป็นอื่น ๆ สำหรับแม่ท้องนั่นเอง
แก้วมังกรมีปริมาณโฟเลตสูง ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ ทั้งยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก แคลเซียม และวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของทั้งแม่และลูกให้แข็งแรง ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และป้องกันความเสี่ยงโรคโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ได้