นายเดวิด ดี. โดแรน ผู้ก่อตั้ง (Founding Father) WeLearn (วีเลิร์น) แหล่งการเรียนรู้ครบวงจร เปิดเผยว่า ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและการเติบโตของสื่อดิจิทัลส่งผลให้รูปแบบการศึกษาของเยาวชนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงจากการเรียนด้วยการรับความรู้ฝ่ายเดียวไปสู่การเรียนเพื่อประยุกต์ใช้ความรู้อย่างสร้างสรรค์และชาญฉลาด ค้นคว้าอย่างไม่รู้จบและคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหา
อีกทั้ง การค้นหาความรู้จากอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดายและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ผู้เรียนสามารถรวบรวมความรู้ได้ภายในเสี้ยววินาที ส่งผลให้วิธีการป้อนความรู้ให้ผู้เรียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการพัฒนาทักษะของผู้เรียนยุคใหม่ ดังนั้น จึงต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการศึกษาโดยให้อิสระแก่ผู้เรียนในการเลือกหลักสูตรตามความสนใจ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ได้อย่างสร้างสรรค์และชาญฉลาด
นายเดวิด กล่าวเพิ่มเติมว่า สื่อการเรียนออนไลน์ที่มีคุณภาพในปัจจุบัน ทำให้การเรียนแบบเน้นความสนใจเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) มีความเป็นไปได้ในราคาที่ไม่สูงนัก แต่การเรียนออนไลน์เพียงอย่างเดียว ผู้เรียนอาจขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะการปรับตัวและการทำงานร่วมกับผู้อื่น WeLearn จึงเข้ามาตอบโจทย์สำคัญในการผนวกการเรียนแบบเฉพาะบุคคลเข้ากับการเรียนรู้แบบร่วมมือกันสร้างโครงงาน ด้วยแนวคิดในการก่อตั้ง WeLearn ให้เป็นสถานที่ที่พร้อมสำหรับการเรียนรูปแบบใหม่นี้
“Global Newswire (แหล่งข่าวด้านการเงินและการลงทุนแนวหน้าของอเมริกา) ได้คาดการณ์ไว้ใน Global E-Learning Market Analysis & Trends – Industry Forecast to 2025 ไว้ว่าตลาดการศึกษาออนไลน์ทั่วโลกเติบโต 7.2% CAGR (Compound Annual Growth Rate หน่วยวัดการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี) ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า และจะได้รับความสนใจมากขึ้น ประกอบกับมีแนวโน้มความต้องการปัจจัยสนับสนุนเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียน เช่น หลักสูตรที่เฉพาะเจาะจง การสอนแบบตัวต่อตัว สถานที่เรียน เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่ง WeLearn ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างลงตัว” นายเดวิด กล่าว
จุดแข็งของ WeLearn คือ การให้คำปรึกษา แนะนำ และประเมิน เพื่อเลือกหลักสูตรระดับมัธยมที่เหมาะกับศักยภาพและความสนใจของนักเรียนแต่ละคน ซึ่งเป็นหลักสูตรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำและสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง เช่น มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ (John Hopkins University) มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิสซูรี (University of Missouri) มหาวิทยาลัยอินเดียน่า (Indiana University) และมหาวิทยาลัย เนบราสกา (University of Nebraska) เป็นต้น
โดยใช้สื่อการเรียนออนไลน์นี้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการจัดตั้ง WeLearn Mastery Center and Innovation Lab เน้นการเรียนรู้ที่เปลี่ยนบทบาทของนักเรียนจากผู้รับความรู้ (passive) ให้เป็นผู้สร้างความรู้ (active) นำความรู้สู่กระบวนการวิเคราะห์ ทดลอง ร่วมงานเป็นทีม เพื่อสร้างสรรค์และมีประสบการณ์ใหม่ร่วมกัน
นายเดวิด กล่าวถึงกลุ่มเป้าหมายของ WeLearn ว่า ครอบคลุมกลุ่มนักเรียนโรงเรียนรัฐบาล เอกชน นานาชาติ และนักเรียนโฮมสคูล โดยแบ่งเป็น 2 โปรแกรมหลัก คือ
1. Exploration และ Discovery Membership สำหรับนักเรียนที่เข้ามาใช้บริการต่าง ๆ ของศูนย์ฯ รวมถึงเรียนหลักสูตรเสริมทักษะพิเศษ เช่น การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทักษะการเป็นผู้นำ ทักษะผู้ประกอบการ Startup การทำการตลาดด้วยสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย การฝึกสมาธิและบริหารความเครียด และความรับผิดชอบต่อสังคม
2. Independence Program สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนเต็มรูปแบบ (Full time) ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกหลักสูตรเรียนจากสถาบันชั้นนำที่เหมาะสมกับความสนใจของนักเรียนแต่ละคน โดยทีมที่ปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด สามารถใช้บริการต่าง ๆ ของศูนย์ฯ ได้อย่างไม่จำกัด