เนื่องจากการเล่นเป็นกลุ่มนั้น เด็กจะต้องรู้จักที่จะฝึกการอดทนรอคอย เพื่อให้ถึงการเล่นในรอบตัวเอง หรือเมื่อเพื่อนชนะก็ต้องรู้จักที่จะยินดีกับเพื่อน ฝึกการรู้แพ้รู้ชนะ และที่สำคัญฝึกให้เด็กเกิดความพยายามที่จะตั้งใจ เพื่อที่จะเล่นให้ดีขึ้นในรอบหน้า ที่สำคัญการเล่นเป็นกลุ่ม จะช่วยฝึกให้ลูกเข้าใจการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยลดการยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Ego Centric) ได้อีกด้วย
ในวัยเด็ก พื้นฐานอารมณ์นั้นยังไม่มั่นคง จึงมีบ่อยครั้งที่ลูกจะหงุดหงิดหรืออารมณ์ไม่ดีเมื่อเกิดความไม่พอใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเล็กน้อย ซึ่งการเล่นจะช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย และได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น
การที่ลูกได้เล่นเป็นกลุ่มนั้น ในการเล่นเกมแต่ละเกมล้วนแล้วแต่มีกฎกติกาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งลูกจะต้องเรียนรู้และปฏิบัติตามให้ได้ ถือเป็นการฝึกให้ลูกได้รู้จักหน้าที่ที่ตนเองต้องทำในอนาคต ฝึกการแก้ปัญหา รู้จักเรียนรู้ที่จะฟังและปฏิบัติตามกฎกติกา เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญของทำงานหรือการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
การที่ลูกได้เล่นกับเพื่อน ๆ นั้น จะทำให้ลูกได้เรียนรู้วิธีการสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เด็กบางคนอาจจะขี้อายไม่กล้าชวนเพื่อนเล่น แต่เขาก็จะเรียนรู้ที่จะชวนเพื่อนเล่นด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น แบ่งของเล่นให้ แต่เมื่อเขาได้เล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ เขาก็จะเรียนรู้วิธีที่จะสื่อสารกับเพื่อน ๆ ได้ดีขึ้น จะเห็นได้ว่าเด็กจะมีการเรียนรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เช่น ถ้าเด็กที่พูดไม่เก่งไปเล่นกับเด็กที่พูดเก่ง เขาก็จะเรียนรู้การใช้คำจากเพื่อน และเริ่มพูดตามเพื่อน หรือเด็กจะเริ่มรู้จักขอร้องหรือบอกความประสงค์ในการเล่นกับเพื่อนได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารของเด็กได้เป็นอย่างดี
โดยผ่านการเล่นบทบาทสมมุติ ซึ่งเด็กจะเกิดการเรียนรู้ผ่านการเล่นที่ได้สวมบทบาทเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น หมอ – คนไข้ / ครู – นักเรียน / ตำรวจ – ผู้ร้าย ซึ่งจะช่วยสอนให้เด็กเกิดความเข้าใจในการทำหน้าที่ของอาชีพต่าง ๆ รวมทั้งเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตนให้เหมาะสมเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ด้วย
เพราะในการเล่นร่วมกับผู้อื่น ลูกจะต้องมีการแบ่งปันหรือเอื้อเฟื้อให้กับเพื่อนด้วย และในการเล่นที่เป็นกลุ่มใหญ่ การเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามกฎ รู้แพ้ – รู้ชนะ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยฝึกให้ลูกเกิดการเรียนรู้
การที่ลูกเล่นหรือ “เลือก” ที่จะเล่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น แสดงถึงความชอบที่ลูกมีต่อสิ่งนั้น ๆ ในระดับหนึ่ง และความชอบจะเพิ่มมากขึ้นหากพ่อแม่ให้การสนับสนุน และให้ลูกได้เล่นอย่างต่อเนื่อง เมื่อลูกได้ทำสิ่ง ๆ นั้นอย่างต่อเนื่องก็จะพัฒนาจากความชอบ มาเป็นความ “ถนัด” นั่นเอง
เด็กที่ได้เล่นมาก ก็คือเด็กที่ได้ฝึกการ “ปฏิบัติ” มาก การปฏิบัติในที่นี้หมายถึงการปฏิบัติในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติด้านการคิดของสมอง การปฏิบัติการกระทำโดยใช้กล้ามเนื้อมือ การปฏิบัติทางความรู้สึก คือ เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ มีความอดทนและพยายาม เมื่อทำไม่ได้ เป็นต้น