ทั้งนี้ SPIDER-MAN : HOMECOMING (สไปเดอร์แมน : โฮมคัมมิ่ง) กลายเป็นหนังธงชัยฟอร์มยักษ์ของ ค่ายโซนี่ที่กวาดรายได้ไปแบบถล่มทลายกว่า 270 ล้านบาททั่วประเทศ ทุบสถิติรายได้ของหนังสไปเดอร์แมนทุกภาคที่เคยมีมาและขึ้นแท่นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของค่ายโซนี่พิคเจอร์สโดยลบสถิติ รายได้ 237 ล้านบาทของหนังฟอร์มยักษ์ “2012” ที่เข้าฉายเมื่อปี 2009 อีกด้วย
ส่วนภาพยนตร์แอ็คชั่น แฟนตาซี เรื่ออง JUMANJI : WELCOME TO THE JUNGLE (จูแมนจี้ เกมดูดโลก..บุกป่ามหัศจรรย์) ซึ่ง เปิดฉายธันวาคม2560ที่ผ่านมาเป็นอีกหน่ึงซูเปอร์ไฮไลทข์องค่ายโซนี่เมื่อปีที่แล้ว โดยสามารถกวาดรายได้บ๊อกซ์ออฟฟิศทั่วประเทศทะลุหลัก165ล้านบาทไปเรียบร้อย
นอกจากนี้ SPIDER-MAN : HOMECOMING และ JUMANJI : WELCOME TO THE JUNGLE ยัง กลายเป็นหนัง2เรื่องของค่ายโซนี่ที่สามารถทำเงินติดตารางหนังทำเงินบ๊อกซ์ออฟฟิศสูงสุด5อันดับแรก ของไทยในปี 2560 อีกด้วย บ๊อกซ์ออฟฟิศกรุงเทพฯและเชียงใหม่ซึ่งเป็นซูเปอร์ไฮไลท์ของค่าย เมื่อปีที่แล้ว ยังมีหนังอีก5-6 เรื่อง ซึ่งมีส่วนในการผลักดันยอดบ๊อกซ์ ออฟฟิศของค่ายในปี 2560 ไม่ว่าจะ เป็น RESIDENTEVIL : THEFINALCHAPTER(อวสานผีชีวะ) LIFE (สายพันธุ์มฤตยู) SMURFS: THE LOST VILLAGE (สเมิร์ฟ..หมู่บ้านที่สาบสญู ) DARK TOWER (หอคอยทมิฬ) BABY DRIVER (จี้เบบี้ปล้น) และ BLADE RUNNER 2049 (เบลด รันเนอร์ 2049)
นายรชต ธีระบุตร กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ โซนี่ พิค เจอรส์ เอ็นเตอรเทนเมนต์(ประเทศไทย) กล่าวว่า“นับเป็นความภาคภูมิใจของโซนี่พิคเจอร์สประเทศไทยเป็นอย่างย่ิงหลังจากที่ทางสำนักงานใหญ่ ได้จัดตั้งบริษัท จัดจำหน่ายภาพยนตร์เป็นของตนเองเป็นเอกเทศ ใน 3 ประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียง ใต้ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วและเราสามารถสร้างสถิติรายได้บ๊อกซ์ออฟฟิศตลอดกาลของค่ายขึ้นใหม่ภายในปีแรกของการดำเนินกิจการ”
คุณรชต กล่าวเสริมอีกว่า “นอกจากสไปเดอร์แมน และ จูแมนจี้ที่เป็นหนังธงชัยของเราเมื่อปีที่แล้ว ผมถือว่าหนังทุกเรื่องในคาราวานบันเทิงที่บริษัทเราตัดสินใจนำออกฉายมีส่วนในความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของเราด้วยนับตั้งแต่หนังเปิดศักราชอย่างTHEARRIVALหนังไซไฟเล็กๆที่เก็บไปได้เกือบ40ล้านบาทหรือหนังปัจฉิมบทของRESIDENTEVILที่ทำเงินไป120ล้านบาทLIFE ที่ถึงจะไม่เปรี้ยงดังคาดด้วยดารานำ แต่ไทยเราก็ทำเงินอยู่ในแถวหน้าของภูมิภาค THE DARK TOWER เก็บไปถึง 35 ล้านบาท
แม้หนังจะมีความท้าทายเพราะเป็นแนวคาวบอยไซไฟที่ได้ดาราผิวหมึกนำแสดงส่วนรายได้ 30 ล้านสำหรับ BABY DRIVER หนังแอ็คชั่นดราม่าวัยรุ่นสุดแนวที่ไม่มีดาราแถวหน้าผมก็ถือว่าน่าพอใจ และBLADERUNNER 2049 กับรายได้เฉียดหลัก 50 ล้านแม้จะผิดเป้าไปพอสมควร แต่ผมก็ถือว่าเราประสบความสาเร็จด้านการตลาดมากกับหนังแนว CULTCLASSIC เรื่องนี้ที่คนดูอาจต้องปีนบันไดดูนอกเหนือจากหนังเมนสตรีม ที่กล่าวข้างต้นยังมีคาราวานที่เป็นหนังคณภาพนอกกระแสที่ค่ายโซนี่เราตัดสินใจนำเข้ามาฉายให้กับคอหนัง ชาวไทยและได้รับการตอบรับที่ดีไม่ว่าจะเป็น T2 : TRAINSPOTTINGT2, 20THCENTURYWOMEN, PROFESSOR MARSTON & THE WONDER WOMAN ไปจนถึง CALL ME BY YOUR NAME ซึ่งเป็นกล่มุของหนังทางเลือกที่เรามีอยู่ในไลน์โดยผ่านโซนี่พิคเจอรส์คลาสสิคหรือไทรสตาร์พิคเจอร์ส โดยเราจับมือกับโรงภาพยนตร์ HOUSERCA จัดฉายภาพยนตร์คุณภาพเหล่าน้ีภายใต้แคมเปญชื่อ SONY@HOUSE อีกด้วย”
สำหรับศักราช 2018 นี้ โซนี่ พิคเจอร์ส ประเดิมปีด้วยความสะพรึงกับภาพยนตร์สยองขวัญภาคต่อเรื่อง INSIDIOUS: THE LAST KEY (วิญญาณตามติด: กุญแจผีบอก) ต่อจากน้ันโคลัมเบีย พิคเจอร์ส และโซนี่ แอนิเมชั่น จะเตรียมเปิดตัวพระเอกคนใหม่ PETER RABBIT ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไลฟ์ แอ๊คชั่นผสมซีจีไอแอนิเมชั่น ซึ่งจะลงโรงต้อนรับปิดเทอมใหญ่และช่วงวันหยุดยาว 6 เมษายน ไปจนถึงสงกรานต์ ส่วนในครึ่งปีหลัง ทางค่ายโซนี่เตรียมคาราวานภาพยนตร์หลากรสอย่างน้อย 7 เรื่อง เริ่มจาก ภาพยนตร์แอนิเมชั่นภาคต่อ HOTEL TRANSYLVANIA 3: MONSTER’S VACATION ในวันท่ี 23 สิงหาคม เดนเซล วอชิงตันจะกลับมาเป็นนักฆ่าจับเวลาบู๊ระห่ำใน THE EQUALIZER 2 ในวันที่ 6 กันยายน ตามมาด้วยภาพยนตร์
แอ๊คชั่นผจญภัยที่หลายคนรอคอย ALPHA (ผจญแดนนรกทมิฬ 20,000 ปี) ในวันท่ี 20 กันยายน ปิดเทอมตุลาคม โคลัมเบีย พิคเจอร์ส และมาร์เวล สตูดิโอ จับมือเข็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง VENOM (เวน่อม) ลงโรงในวันที่ 11 ตุลาคม แจ็คแบล็คจะกลับมารับบท “สไตน์” ในภาพยนตร์ภาคต่อเรื่อง GOOSEBUMPS : HORRORLAND (คืนอัศจรรย์ขนหัวลุกภาค 2) ช่วงปลายพฤศจิกายน และส่งท้ายปีด้วย ภาพยนตร์ทริลเลอร์ภาคต่อเรื่อง THE GIRL IN THE SPIDER’S WEB ในวันที่ 5 ธันวาคม