วันป่าไม้โลก กำเนิดขึ้นจากรัฐบาลภาคีสมาชิกขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้มีมติในที่ประชุมสมัชชาสมัยทั่วไปของสันนิบาตยุโรปด้านการเกษตร (European Confederation of Agriculture) ครั้งที่ 23 เมื่อปี 1971 ให้วันที่ 21 มีนาคมของทุกปีเป็นวันป่าไม้โลก (World Forestry Day) เพื่อให้คนทั่วโลกได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของทรัพยากรป่าไม้ในปัจจุบันที่มีอยู่จำกัด กระทั่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้กำหนดให้เป็นวันทรัพยากรป่าไม้แห่งชาติ (International Day of Forests) อย่างเป็นทางการในปี 2012 และมีการเฉลิมฉลองในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมโลกได้เห็นถึงความสำคัญ ตลอดจนประโยชน์และผลิตผลต่างๆ ที่ได้รับจากป่าไม้
•ปัจจุบันนอกจากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปได้ร่วมกันรณรงค์เผยแพร่ความสำคัญของป่าไม้ดังกล่าวแล้ว ยังมีประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ร่วมจัดงานวันป่าไม้โลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เนปาล ปากีสถาน ฯลฯ โดยในวันดังกล่าวจะมีธีมแนวคิดเปลี่ยนไปในทุกๆ ปี มีกิจกรรมต่างๆ เพื่อเผยแพร่ และรณรงค์ให้ประชาชนได้ทราบถึงความสำคัญของป่าไม้ที่มีต่อมวลมนุษย์ชาติในด้านต่างๆ โดยมีทั้งการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับป่าไม้ เพื่อสร้างจิตสำนึกและให้ความรู้ในเรื่องการรักษาฟื้นฟูป่าไม้ และจัดกิจกรรมรณรงค์ปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว
วีดีทัศน์นำเสนอวันป่าไม้โลก ปี 2017 ในธีมป่าไม้กับพลังงาน จาก, Food and Agriculture Organization of the United Nations
เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตรงได้ฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลกพอดี เป็นวันวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) เวลากลางวันยาวเท่ากับกลางคืน ประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “ศารทวิษุวิตของเขตซีกโลกใต้” (Autumnal equinox in Southern Hemisphere) หมายความว่า จุดที่มีกลางวันและกลางคืนเท่ากันในฤดูใบไม้ร่วงของเขตซีกโลกใต้ (วันศารท คือ วันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้) และ วสันตวิษุของเขตซีกโลกเหนือ (Vernal Equinox in Northern Hemisphere) หมายความว่า จุดที่มีกลางวันและกลางคืนเท่ากันในฤดูใบไม้ผลิบริเวณเขตซีกโลกเหนือ
ทั้งนี้ FAO ได้เลือกวันดังกล่าวเป็นวันเฉลิมฉลองป่าไม้โลก เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบถึงข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรป่าไม้ใน 3 ประเด็นหลัก คือ การป้องกัน ผลิตป่าไม้ และการนันทนาการ
•ป่าต้นน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำจำนวน 75 % เป็นแหล่งน้ำจืดของโลก
•ประมาณหนึ่งในสามของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำดื่มที่ได้รับโดยตรงมาจากพื้นที่ป่าคุ้มครอง
•เกือบ 80 % ของประชากรโลก หรือ ประชากร 8 ใน 10 คน ต้องเผชิญกับภาวะเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ
•การพัฒนาการจัดการทรัพยากรน้ำที่ดี สามารถเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ดีได้
•ป่าทำหน้าที่เป็นตัวกรองน้ำตามธรรมชาติ
•การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือการเปลี่ยนแปลงบทบาทการไหลรินของแหล่งน้ำในป่า และแหล่งทรัพยากรน้ำที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
•ป่ามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ทรัพยากรธรรมชาติ