แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็เกิดความกังวลต่าง ๆ เช่น กลัวว่าลูกจะเหงาเพราะไม่มีพี่น้องมาเล่นด้วย กลัวว่าลูกจะเป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะเป็นเด็กคนเดียวในบ้าน กลัวว่าลูกจะขาดโอกาสเรียนรู้การอยู่ร่วมกับเด็กอื่นโดยเฉพาะพี่น้อง
แม้สิ่งที่พ่อแม่ยุคใหม่เป็นกังวลจะเป็นเรื่องจริง เพราะลูกคนเดียวมักมีแนวโน้มที่จะเป็นคนขี้เหงา เอาแต่ใจและยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ตามทฤษฎีลำดับการเกิดของ อัลเฟรด แอดเลอร์ จิตแพทย์ผู้เป็นที่รู้จักจากทฤษฎีจิตวิทยาปัจเจกบุคคล แต่ก็มีงานวิจัยมากมายที่ออกมายืนยันว่า การเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ด้วยความรักและการได้รับการสั่งสอนที่ดี ก็สามารถทำให้เด็กที่เป็นลูกคนเดียวเติบโตมาเป็นคนดีและประสบความสำเร็จในชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการอบรมเลี้ยงดู และเติมเต็มประสบการณ์ต่าง ๆ ให้ลูกคนเดียวด้วยความใส่ใจ
คุณพ่อคุณแม่คอยสังเกตความสนใจและความถนัดของลูก เช่น วาดรูป ดนตรี กีฬา ร้องเพลง เต้นรำ จากนั้นจึงพาเขาไปทำกิจกรรมกับเพื่อนคนอื่น ๆ เช่น เข้าคอร์สเรียน หรือคอร์สฝึกอบรมต่าง ๆ เพื่อให้ลูกได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับคนที่มีความชอบคล้าย ๆ กัน
ซึ่งเริ่มต้นได้จากที่บ้าน โดยหางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลูกทำ เช่น ช่วยคุณพ่อรดน้ำต้นไม้ ช่วยคุณแม่ถือของ แล้วเมื่อมีโอกาสก็พาลูกออกไปทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น เช่น พาลูกไปบริจาคสิ่งของให้ผู้ด้อยโอกาส หรือวันหยุดพาลูกไปทำบุญถวายอาหาร ถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ หรือคุณพ่อคุณแม่จะถือโอกาสช่วยทำความสะอาดลานวัด ขัดห้องน้ำวัด ก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ทำให้เขารู้สึกสนุกและเห็นคุณค่าของการทำประโยชน์เพื่อคนอื่นและเพื่อสังคม
ให้เขาได้พบกับผู้คนมากมาย เพื่อที่จะได้เรียนรู้การเข้าสังคม เช่น พาไปเข้าค่าย หรือเข้าชมรมต่าง ๆ ให้ลูกได้มีสังคม มีเพื่อน ได้รู้จักการแบ่งปัน ซึ่งทักษะที่เขาได้เรียนรู้จากการเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน จะมีประโยชน์กับเขาเมื่อโตขึ้น ทำให้สามารถปรับตัวได้ดีและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
อย่าให้เขาทุกอย่างที่เขาต้องการจนมากเกินไป ไม่ควรซื้อของเล่นหรือของใช้ต่าง ๆ ให้แก่ลูกจนเกินความจำเป็น ควรให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตบนพื้นฐานความเป็นจริงตามสถานะของครอบครัว เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจว่าไม่สามารถได้รับอะไรทุกอย่างตามที่ต้องการเสมอไป
เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องฝึกให้เขารู้จักความรับผิดชอบ และช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เล็ก ๆ เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ เช่น อาบน้ำเอง กินข้าวเอง หรือเก็บข้าวของของตัวเอง และเมื่อลูกเริ่มโตขึ้นควรแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในบ้านให้เขาช่วยดูแลตามวัยที่จะรับผิดชอบได้ โดยเปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยการลงมือทำด้วยตัวเอง และค่อยเข้าไปช่วยเหลือเมื่อลูกขอความช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยปลูกฝังนิสัยความรับผิดชอบให้แก่ลูกได้เป็นอย่างดี