เทคนิคการสอนคณิตศาสตร์ลูกมีมากมายหลากหลาย อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้คณิตศาสตร์หรือวิชาเลขได้อย่างสนุกสนาน ไม่ต่อต้าน และไม่มองว่าเป็นเรื่องยาก คือ การเล่านิทาน เพราะนอกจากเขาจะได้ทักษะทางคณิตศาสตร์แล้ว เขายังได้ฝึกกระบวนการอื่น ๆ ควบคู่กันไปได้ด้วย เช่น การแก้ปัญหา จินตนาการ และการลำดับความคิดอย่างมีเหตุผล
ในระหว่างการเล่านิทาน คุณพ่อคุณแม่อาจชี้ชวนให้ลูกนับจำนวนสิ่งของ หรือตัวละครต่าง ๆ เพื่อฝึกทักษะการนับจำนวนหรือจำนวนนับให้ลูกทางอ้อมก็ได้ เช่น ต้นไม้ต้นนี้มีผลไม้อยู่กี่ผล, ครอบครัวคุณกระต่ายมีกันทั้งหมดกี่ตัว หรือนิทานเรื่องนี้เด็กผู้หญิงเปลี่ยนชุดไปทั้งหมดกี่ชุด โดยให้ลูกค่อย ๆ นับไปพร้อม ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ โดยอาจให้เริ่มจากการนับนิ้วจนครบตามจำนวนก็ได้
การตั้งโจทย์เลขอย่างง่ายจากนิทาน ควรเริ่มจากการบวกหรือลบเลข 1 หลัก โดยอาศัยสถานการณ์ในเรื่องมาผูกกันเป็นโจทย์ อาทิ คุณแม่อบขนมปัง 5 ก้อน ถ้าลูกหยิบไปกิน 1 ก้อน จะเหลือขนมปังกี่ก้อน หรือหนูน้อยหมวกแดงเด็ดดอกไม้มา 3 ดอก คุณยายให้เพิ่มมาอีก 2 ดอก หนูน้อยหมวกแดงจะมีดอกไม้ทั้งหมดกี่ดอก เป็นต้น การตั้งโจทย์จากนิทานนอกจากจะช่วยให้ลูกเรียนรู้การคำนวณเบื้องต้นแล้ว ยังช่วยให้ลูกรู้สึกสนุกและกระตุ้นจินตนาการเขาได้อีกด้วย
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้คณิตศาสตร์ได้ดีขึ้นคือการลองให้ลูกใช้นิ้ววาดเป็นตัวเลข โดยประกอบกับการถามคำถามเกี่ยวกับนิทาน เช่น ในเรื่องมีลูกเป็ด 4 ตัว ก็ให้ลูกลองใช้นิ้ววาดเป็นรูปเลข 4 ตาม เพื่อให้ลูกรู้สึกคุ้นเคยกับตัวเลขต่าง ๆ เมื่อลูกต้องนำตัวเลขเหล่านี้ไปใช้คำนวณในโจทย์ จะได้เข้าใจง่ายขึ้น
ของเล่นเสริมทักษะ อาทิ บัตรคำ หรือตัวต่อรูปตัวเลขสีสันสดใส ก็สามารถนำมาดัดแปลงเล่านิทานได้เช่นกัน ด้วยการนำบัตรคำ หรือตัวต่อเหล่านั้นมาผูกโยงกันเป็นเรื่องราว ตั้งชื่อให้แต่ละตัว ตั้งโจทย์แก้ปัญหาให้ลูกคิดเป็นระยะ ๆ หรือจะให้ลูกมีส่วนช่วยคิดหรือเติมแต่งเรื่องราวของเหล่าตัวเองด้วยก็ได้ ลูกจะได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของนิทานเรื่องนี้ และสนุกกับการเรียนคณิตศาสตร์โดยไม่รู้ตัว
หลังจากชักชวนลูกนับสิ่งของต่าง ๆ หรือชวนลูกแก้โจทย์ปัญหา คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมให้คำแนะนำอย่างใจเย็น ทิ้งเวลาให้เขาได้คิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อาจบอกเทคนิคเคล็ดลับที่จะช่วยให้ลูกแก้โจทย์ปัญหาได้ดีขึ้น ไวขึ้น และง่ายขึ้นด้วยก็ได้ หากลูกตอบผิดหรือคิดไม่ออก ไม่ควรตำหนิหรือเร่งรัดลูก แต่ควรให้กำลังใจพร้อมทั้งแนะนำเขาจนเขาแก้โจทย์นั้น ๆ ได้ด้วยตัวเอง สุดท้ายเมื่อลูกแก้โจทย์ได้ควรกล่าวคำชื่นชม เพื่อเป็นกำลังใจให้เขา และสร้างทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้ของลูก