หน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดปาก กลายเป็นไอเทมที่ทุกคนต้องมีติดตัวและสวมใส่กันจนเกือบจะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว โดยเฉพาะเวลาที่ออกจากบ้าน เดินทางไปตามสถานที่สาธารณะ ต้องพบปะกับผู้คนมากมาย การใส่หน้ากากคือสิ่งที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการป้องกันตัวเองเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสด้วย แต่ในบางสถานการณ์หรือการทำกิจกรรมบางอย่างก็ไม่เหมาะกับการใส่หน้ากากเสมอไป เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อตัวเราเองได้ อย่างเช่นกิจกรรมที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้
การออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ ล้วนใช้แรงมากกว่าปกติ และควรได้ออกซิเจนที่เพียงพอ การใส่หน้ากาก ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าจะเป็นการเพิ่มแรงต้านการหายใจ ทำให้หายใจได้ลำบาก เหงื่อยง่ายกว่าเดิม ซึ่งส่งผลให้ปอดและหัวใจทำงานหนักมากขึ้น อาจเกิดอาการหน้ามืด เป็นลม ล้มหัวกระแทกพื้นได้ หากจำเป็นต้องออกกำลังกายจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกออกกำลังกายที่บ้านแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน
เหตุผลเดียวกับการออกกำลังกาย เพราะการยกของหนักจำเป็นต้องใช้แรงมาก หากใส่หน้ากากแล้วต้องยกของออกแรงเป็นเวลานาน อาจทำให้หายใจไม่สะดวก ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอจนเป็นอันตรายได้ ดังนั้นควรมีการพักเป็นระยะ อย่าปล่อยให้ร่างกายเหนื่อยจนเกินไป ให้ร่างกายได้มีเวลาหายใจแบบเต็มที่บ้าง
ปกติคนเราเมื่ออยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก มักเกิดความรู้สึกอึดอัด หายใจได้ไม่ดีเท่ากับการอยู่ในสถานที่ปลอดโปร่งอยู่แล้ว และยิ่งถ้าต้องใส่หน้ากาก แน่นอนว่าก็จะยิ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพการใจหายลดลงตามไปด้วย แต่สำหรับบางคนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เหล่านั้น เช่น การขึ้นรถไฟฟ้า คงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ทางที่ดีที่สุดคือการป้องกันตัวเอง หากรู้ว่าจะต้องขึ้นรถไฟฟ้าก็ให้เลือกขึ้นขบวนที่คนข้างน้อย ไม่ค่อยแออัด มีพื้นที่ว่างเหมาะสม
ข้อควรระวังเมื่อใส่หน้ากากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ขณะใส่หน้ากากไม่ควรปล่อยให้หน้ากากของเราเปียกชื้นเด็ดขาด หากเปียกเมื่อไหร่ควรถอดเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะหน้ากากที่เปียกชื้นจะเสียประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรค และอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคแทน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการทำให้หน้ากากเปียกชื้นจะดีที่สุด