เป็นกำลังใจให้กันและกันอยู่ทุกช่วงเวลารักษาตัวจากอาการป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด19 จนล่าสุด “แมทธิว ดีน” และ “ลิเดีย ศรัณย์รัชต์” ถูกนำตรวจออกมาจากห้อง ICU (ไอซียู) เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทั้งคู่ก็ได้พบหน้ากันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน พร้อมอัพเดทอาการป่วยว่าตอนนี้อาการป่วยของทั้งคู่เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับการรักษา อีกทั้ง แมทธิว และลิเดีย ยังได้แชร์ข้อมูลการรักษาโรคไวรัสโควิด19 ที่สามารถเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไปในการใช้ชีวิตอย่างระมัดตัวนี้ด้วย
โดย ลิเดีย และแมทธิว ได้แชร์ข้อมูลผ่านไอจีส่วนตัว (@lydiasarunrat , @matthew.deane) ว่า “แชร์ข้อมูลค่ะ : หลังจากที่ต้องแยกกันมาอาทิตย์กว่า ตอนนี้เดียกับพี่แมทได้อยู่ด้วยกันแล้วค่ะ มีกำลังใจดีขึ้นเยอะค่ะ อาการช่วงแรกของเดียที่เข้าโรงพยาบาลคือไม่เป็นอะไรเลยที่บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นหวัด ไม่เจ็บคอแล้ว ไม่มีน้ำมูกเลย ไม่ไอ แต่มีไข้ 37กว่า ก็เลยทำให้คิดว่ากำลังจะหาย จากการ Xray วันแรกก็ไม่เห็นอะไรในปอด สัญญาณทุกอย่างดีหมด แต่คุณหมอท่านสั่งทำ CT scan วันรุ่งขึ้น ผลออกมาคือไวรัสเข้าไปในปอดแล้ว แต่ไม่แสดงอาการเลย เดียไม่หอบ ไม่เหนื่อย ระดับออกซิเจนดีหมด แต่ปอดเริ่มอักเสบ
เดียถูกย้ายไปไอซียูเพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดและเริ่มทานยาทันที เดียรู้สึกแข็งแรงดีทุกอย่าง หายใจได้ ไม่มีอาการหวัด แต่มีผลข้างเคียงจากยาที่ทานเพราะค่อนข้างแรงและเยอะ อาการจากยาก็จะมีเวียนหัว คลื่นไส้ ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร และตามัวเหมือนสายตาสั้น ก็ต้องพยายามทานข้าวให้ได้เพื่อจะได้ทานยา
หลังจากเริ่มยาและอยู่ไอซียูมา 5 วัน เดียไม่มีไข้แล้ว สัญญานทุกอย่างดี Xray ปอดดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็ได้ย้ายออกจากไอซียู ตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันกับพี่แมทแล้วค่ะ
อาการของพี่แมทแตกต่างจากเดีย พี่แมทไปถึงโรงพยาบาลวันแรก ๆ มีไข้และคัดจมูกและมึน ๆ หัวนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีไข้ไปอีก3วัน ตอนนั้นไม่ได้ทานยา ก็คิดว่าเริ่มดีขึ้น แล้วปล่อยให้หายเองได้ แต่หลังจากนั้นไข้กลับมาใหม่และท้องเสียหมอรีบ Xray ก็พบว่าเริ่มมีอาการปอดอักเสบเหมือนเดีย พี่แมทจึงเข้า ICU และเริ่มยาทันที หลังจากกินยา ตอนนี้ทั้งคู่ไม่มีไข้แล้ว และออกจากไอซียูแล้ว
ตอนนี้คุณหมอและพยาบาลทำงานกันหนักโดยที่ไม่ได้กลับบ้านกันเลย ขอความร่วมมือจากทุกคนให้อยู่บ้าน อย่าออกไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มข้างนอก ถ้าจำเป็นต้องออกก็ขอให้ใช้ความระมัดระวัง พยายามหลีกเลี่ยงที่ ๆ คนเยอะ ๆ ช่วยกันนะคะ เราจะได้ผ่านมันไปได้ค่ะ @matthew.deane1”