เดิมคำว่า ภูเก็ต นั้นใช้คำว่า "ภูเก็จ" อันแปลว่าเมืองแก้ว ตรงกับความหมายเดิมซึ่งชาวทมิฬเรียก มณีคราม ตามหลักฐาน พ.ศ. 1568 ภูเก็ตเป็นที่รู้จักของนักเดินเรือที่ใช้เส้นทางระหว่างจีนกับอินเดีย โดยผ่านแหลมมลายู หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดก็คือ หนังสือภูมิศาสตร์และแผนที่เดินเรือของทอเลมี เมื่อประมาณ พ.ศ. 700 กล่าวถึงการเดินทางจากแหลมสุวรรณภูมิลงมาจนถึงแหลมมลายู ซึ่งต้องผ่านแหลมจังซีลอน หรือเกาะภูเก็ตนั่นเอง
ภูเก็ตเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบครบครัน ปัจจุบันภูเก็ตเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวของชายฝั่งทะเลอันดามัน มีเนื้อที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร หรือ 339,375 ไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 75 ของประเทศ หรือมีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ รองจากจังหวัดสมุทรสงคราม แต่เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
วันแรกที่แม่แหม่มไปถึงภูเก็ตก็ค่อนข้างจะเย็นแล้ว เพราะแม่แหม่มขับรถกันมาจากชุมพรซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณพ่อแสบน้อย เราจึงเลือกพักกันที่โรงแรมใกล้หาดที่มีความสะดวกสบายเหมาะกับครอบครัวตะลอนทัวร์อย่างเรา ก็คือ ดวงจิต รีสอร์ท ป่าตอง ซึ่งใช้เวลาเดินมาที่หาดป่าตองแค่ประมาณ 5 นาที
แต่แม่แหม่มต้องบอกไว้ก่อนนะคะว่า หาดป่าตองนี้อาจจะไม่เหมาะกับครอบครัวที่ชอบความสงบสักเท่าไหร่ ถ้าครอบครัวไหนชอบความสงบแม่แหม่มแนะนำให้ไปที่หาดกะตะ กะรน จะดีกว่าค่ะ เพราะที่หาดกะตะ กะรน จะค่อนข้างเงียบและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหาดป่าตอง ที่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวพากันมานอนอาบแดด จนกลายเป็นหาดนานาชาติกันเลยทีเดียว
เมื่อเดินไปถึงที่หาด โปรแกรมที่พลาดไม่ได้ก็คือ การพาแสบน้อยลงเล่นน้ำ เล่นทราย ซึ่งถึงแม้เราจะไปที่หาดกันประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว แดดก็ยังเปรี้ยงปร้าง สาดแสงประดุจตอนเที่ยงอยู่เลยค่ะ ดังนั้นหลังจากเล่นน้ำเล่นทรายเสร็จ แสบน้อยของแม่แหม่มก็แปลงร่างเป็นสาวผิวแทนไปเป็นที่เรียบร้อย
พอรุ่งเช้าเรารีบตื่นกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง แล้วขับรถบึ่งไปที่ แหลมพรหมเทพ สถานที่ที่เขาร่ำลือกันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดจุดหนึ่งในประเทศ ไปถึงที่นั่นราว ๆ 6 โมงเช้า แต่... ไหนคะ ไหน พระอาทิตย์อยู่ไหน ใช่ค่ะ ดิฉันมาผิด ที่นี่เขามาดูพระอาทิตย์ตกกันค่ะ ไม่ใช่มาดูพระอาทิตย์ขึ้น (หัวเราะ) นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะไปที่ไหน ควรอ่านข้อมูลการท่องเที่ยวให้รอบคอบก่อนนะจ๊ะ
นอกจากนี้ในบริเวณแหลมพรหมเทพ ยังมี อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และ ประภาคารกาญจนาภิเษก อยู่ ประภาคารกาญจนาภิเษกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติครองราชย์ครบ 50 ปี ของรัชกาลที่ ๙ และใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเดินเรือในฝั่งอันดามัน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่อ้างอิงเวลาพระอาทิตย์ตกดินในประเทศไทย ภายในประภาคารกาญจนาภิเษก สามารถเข้าชมได้ฟรี มีนิทรรศการให้ความรู้ประภาคาร และด้านบนเป็นจุดชมวิว
ออกจากแหลมพรหมเทพ เราก็มาเดินเที่ยวที่ย่านเมืองเก่า ถนนดีบุก บริเวณที่เต็มไปด้วยตึกเก่าสไตล์ชิโน –โปรตุกิส ที่ผสมผสานเอาความเป็นศิลปะตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน ทั้งยังสะท้อนเศรษฐกิจอันรุ่งเรืองของภูเก็ตในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี
ตึกเก่าแบบชิโน-โปรตุกีสนี้ ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2446 เนื่องจากการทำเหมืองเริ่มเติบโต ทำให้ชาวจีนและชาวตะวันตก ต่างหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองภูเก็ตเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น อีกทั้งย่านนี้ยังเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และร้านกาแฟอร่อย ๆ อีกมากมาย เดินเล่นไปแวะร้านโน้นร้านี้ไปก็อิ่มท้อง อิ่มใจกันเลยทีเดียวค่ะ
เราเดินเที่ยวย่านเมืองเก่ากันอยู่ประมาณกือบ 2 ชั่วโมงค่ะ เพราะมีมุมถ่ายรูปและร้านที่น่าสนใจให้แวะเยอะมาก ซึ่งการเดินเที่ยวแบบนี้ นอกจากเราจะได้พบเห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นแล้ว ยังเป็นการฝึกความอนทนให้กับลูกได้อีกด้วยค่ะ เพราะแม่แหม่มจะให้แสบน้อยเดินเอง เราตกลงกันแล้วว่าถ้าอยากไปเที่ยวกับพ่อแม่ หนูต้องดูแลตัวเอง ต้องเดินเองนะคะ ซึ่งลูกก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่สิ่งสำคัญในการเดินเที่ยวท่ามกลางสภาพอากาศร้อน ๆ แบบนี้ คือ การหมั่นให้ลูกจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อลดอุณหภูมิความร้อนของร่างกาย และสร้างความสดชื่นให้ลูกด้วยค่ะ