เมื่อเราต้องเผชิญเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เรามีทางเลือก 2 อย่าง
วิธีการเลือกของเรา จะเป็นตัวชี้วัดว่าเราจะมีความสุข หรือต้องทนทุกข์
ซีรี่ส์ “เรื่องดี ๆ จากดร.ณัชร” เรื่องที่ 140 วันนี้ จะมาคุยเรื่อง “สุขเลือกได้”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เขียนได้ไปร่วมประชุมโค้ชเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2017 มา และได้มีโอกาสฟังธรรมบรรยายของท่านว.วชิรเมธีในหัวข้อ “สติ กับ การโค้ช”
พระนักเทศน์ระดับแนวหน้าอย่างท่านว.วชิรเมธี ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง แทนที่จะเข้าประเด็นที่ท่านทราบว่าคนสนใจและตั้งใจมาฟังมากที่สุด คือ “สติกับการโค้ช” ทันที ท่านเลือกที่จะใช้เรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจและพูดถึงภาพรวมก่อน
ท่านว.เปิดธรรมบรรยายด้วยการพูดถึงภาพรวมของโลกในปัจจุบันก่อนที่เต็มไปด้วยความรุนแรง โดยเปิดคลิปจากรายการ British Got Talent ให้พวกเราดู เป็นการแสดงแนวการเต้นลีลาประกอบเพลงที่ใช้เงาของร่างกายผู้เต้นแสดงเล่าถึงความรักของหนุ่มสาวและพ่อแม่ลูกกับความสูญเสียจากภัยสงคราม
เป็นคลิปที่สะเทือนใจมาก ผู้คนทุกชาติทุกภาษาต่างก็ดูแล้วเข้าใจเพราะผู้แสดงใช้ภาพเล่าเรื่องของความรักและความสูญเสียซึ่งมีความเป็นสากล ท่านที่สนใจสามารถดูคลิปดังกล่าวที่มีความยาวประมาณ 4 นาทีได้ด้านล่างนี้
ผู้คนในอิมแพ็ค ฟอรั่ม จำนวนนับพันคนจากนานาประเทศทั่วโลกเงียบกริบเมื่อคลิปนี้จบ ท่านว.สรุปประเด็นแรกนี้สั้น ๆ ว่า โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความรุนแรง เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของโค้ชทั้งโลกที่จะโค้ชให้คนอยู่ในความรัก และความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ประเด็นต่อไปที่ท่านว.พูดถึงคือ คนเรานั้น ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครพลาดไปเสียทุกอย่างเช่นเดียวกัน
เราเลือกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับมืออย่างไร หรืออีกนัยหนึ่ง เราเปลี่ยนปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่เปลี่ยนสิ่งที่อยู่ข้างในเราได้ นั่นก็คือ เปลี่ยนท่าทีที่เรามีต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเรานั่นเอง
ท่านว.กล่าวว่าเรามีทางเลือกอยู่ 2 ทางเสมอในการที่จะรับมือกับสิ่งที่เราต้องเผชิญ คือ
1) รับมือด้วยความขำขัน หรือ 2) รับมือด้วยความขมขื่น
แล้วท่านว.ก็ยกตัวอย่างเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นกับท่านเรื่องหนึ่งมาเล่า คือ ครั้งหนึ่งมีลามะระดับสูงของทิเบตท่านหนึ่งมาเป็นอาคันตุกะของไร่เชิญตะวันของท่านว.ที่เชียงราย
ที่ไร่นั้นท่านว.ได้ให้ลูกศิษย์ทำโครงการเกษตรอินทรีย์ ปลูกผักหลายอย่าง รวมทั้งเพาะเห็ดด้วย เช้าตรู่วันที่ท่านลามะมาเยือน ท่านว.ก็นิมนต์ท่านให้เดินชมงานเกษตรอินทรีย์ของไร่เชิญตะวัน
หนึ่งในไฮไลท์ของการการชมคือเรือนเพาะเห็ด ท่านว.กล่าวรายงานต่อท่านลามะด้วยความภาคภูมิใจว่า เห็ดที่นี่เป็นเห็ดที่มีคุณภาพมาก เพราะนอกจากจะเป็นการทำเกษตรอินทรีย์ที่ปลอดจากสารเคมีแล้ว ทุกเช้า เวลา 6 น. ถึง 7 น. ท่านว.จะเปิดเสียงธรรมบรรยายให้เห็ดเหล่านี้ได้ฟังด้วย!
ผลก็คือ เห็ดมีความละเอียดอ่อน กรอบ อร่อย ท่านว.กล่าวรายงานต่อไปว่า โรงแรมห้าดาวในเชียงรายทุกแห่งจะใช้เห็ดจากที่นี่ ซึ่งมีความบอบบางชนิดที่สามารถใช้มือปลิดออกมาเบา ๆ จากเรือนเพาะก็หลุดออกจากรากอย่างง่ายดาย แล้วท่านว.ก็นิมนต์ท่านลามะให้ลองเด็ดเห็ดออกมาดู
ท่านลามะก็ให้ความร่วมมือ โน้มกายลงไปดึงเห็ด ปรากฏว่าไม่ออก ท่านว.ก็แปลกใจ เพราะปกติแตะเบา ๆ ก็หลุดออกมาแล้ว จึงเรียนท่านลามะว่า “ใช้สองมือเลยขอรับท่าน” ท่านลามะก็ทำตาม ออกแรงดึงด้วยมือทั้งสองเต็มแรง แต่เห็ดก็ไม่หลุดออกมา
ท่านว.เล่าว่า ณ ตอนนั้น ท่านรู้สึกเครียดมาก ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะอยากให้ท่านลามะได้ลิ้มรสเห็ดอันลือชื่อของไร่เชิญตะวัน เลยให้ลูกศิษย์ไปนำมีดมาถวายท่านลามะ ท่านก็ให้ความร่วมมือด้วยดี พยายามใช้มีดตัดโคนเห็ด แต่เห็ดก็ยังไม่หลุดออกมาจากราก!
สิ่งที่ท่านว.ไม่ทราบก็คือ ในสัปดาห์ก่อนหน้า บรรดาลูกศิษย์ผู้หวังดีของท่านว.นั้น เห็นว่าเห็ดพันธ์เดิมที่ท่านว.พูดถึงนั้นมีขนาดเล็ก เห็นไม่ชัด จึงไปเปลี่ยนออกแล้วลงเห็ดอีกพันธ์ที่มีขนาดใหญ่ ดูสวยงาม เห็นได้ชัดลงไปแทน
แต่สิ่งที่บรรดาลูกศิษย์ผู้หวังดีไม่ทราบ ก็คือ เห็ดพันธ์ใหม่นั้นดูสวยงามก็จริง แต่มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือเหนียวมาก!
ท่านว.เล่าต่อว่าท่านลามะก็ยังให้ความร่วมมือด้วยดี โดยคราวนี้ออกแรงตัดโคนเห็ดด้วยอาการเหมือนคนใช้มีดตัดสเต๊กเนื้อเหนียว ๆ ทีเดียว…แต่ก็ยังตัดไม่ออก…
ในวินาทีที่ท่านว.กำลังเหงื่อตกและเกิดความวิตกอยู่นั้น ท่านลามะจากทิเบตก็หันมามองท่านว.และยิ้มน้อย ๆ พร้อมกล่าวว่า “อาตมภาพเชื่อแล้วว่าท่านเปิดเทปธรรมะให้เห็ดฟังทุกวัน ดูสิ เห็ดเหล่านี้มีธรรมะสูงมาก แม้แต่มีดยังฟันมันไม่เข้าเลย” แล้วท่านลามะพร้อมคณะติดตามก็ระเบิดเสียงหัวเราะกันลั่นเรือนเพาะเห็ด
เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านว.ก็หัวเราะตาม รู้สึกโล่งใจจากสถานการณ์คับขัน แล้วก็เกิดความเข้าใจขึ้นมาว่า ในสถานการณ์คับขันนั้น เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกท่าทีที่จะรับมือกับมันได้ 2 วิธีเสมอ
นั่นก็คือ จะรับมันอย่างขำขัน หรือว่าขมขื่น
โดยท่านย่อเหลือว่า เราเลือกได้ว่าจะ “ขำ” หรือ จะ “ขื่น”
ท่านว.ปิดท้ายว่า วันนั้นทั้งวัน ท่านลามะทิเบตก็ล้อท่านว.เรื่องเห็ดอยู่เรื่อย ๆ และทุก ๆ ครั้งก็จะหัวเราะด้วยความขำขันทุกครั้ง จนท่านว.ไม่รู้สึกแย่กับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกเลย แถมยังร่วมหัวเราะไปได้ทุกครั้งอีกด้วย
ครั้งต่อไปเมื่อคุณผู้อ่าน พบเหตุการณ์คับขันหรือไม่ได้ดั่งใจ จะทดลองใช้มุมมองของท่านลามะทิเบตดูก็ได้ ลองหาแง่มุมที่ชวนขำของเรื่องดังกล่าวดู ไม่แน่ว่า ท่านอาจจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากสิ่งนั้นก็ได้
ส่วนผู้เขียนนั้น กำลังพยายามมองหาแง่มุมขำขันของการมีกำหนดส่งต้นฉบับพร้อมกัน 2 เล่มเร็ว ๆ นี้จ่อรออยู่! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ผู้คนในอิมแพ็ค ฟอรั่ม จำนวนนับพันคนจากนานาประเทศทั่วโลกเงียบกริบเมื่อคลิปนี้จบ ท่านว.สรุปประเด็นแรกนี้สั้น ๆ ว่า โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความรุนแรง เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของโค้ชทั้งโลกที่จะโค้ชให้คนอยู่ในความรัก และความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ประเด็นต่อไปที่ท่านว.พูดถึงคือ คนเรานั้น ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครพลาดไปเสียทุกอย่างเช่นเดียวกัน
เราเลือกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับมืออย่างไร หรืออีกนัยหนึ่ง เราเปลี่ยนปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่เปลี่ยนสิ่งที่อยู่ข้างในเราได้ นั่นก็คือ เปลี่ยนท่าทีที่เรามีต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเรานั่นเอง
ท่านว.กล่าวว่าเรามีทางเลือกอยู่ 2 ทางเสมอในการที่จะรับมือกับสิ่งที่เราต้องเผชิญ คือ 1) รับมือด้วยความขำขัน หรือ 2) รับมือด้วยความขมขื่น