อาชีพนี้ดูเหมือนจะสบาย ไม่มีกฎเกณฑ์ในการทำงาน มีอิสระในเรื่องของเวลา ไม่ต้องตอกบัตรเข้าออกออฟฟิศเหมือนมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานประจำ แค่ทำงานให้เสร็จทันตามเวลาที่กำหนดก็พอ แถมไม่มีข้อจำกัดในการสร้างรายได้อีกต่างหาก
แต่เอาเข้าจริงๆ ฟรีแลนซ์นี่เป็นหนึ่งในอาชีพที่ต้องเคร่งครัดในเรื่องการเงินมากกว่าใครเลยทีเดียว เพราะส่วนมากจะคาดการณ์รายได้ในอนาคตค่อนข้างยาก แถมแต่ละเดือนก็ได้มากน้อยไม่เท่ากันและบางครั้งยังได้เงินไม่ตรงเวลาอีก ทำให้ต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองสูง และรู้จักมองล่วงหน้าเผื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินในกรณีฉุกเฉิน หากบริหารเงินไม่เป็น ก็มีโอกาสเกิดปัญหาทางการเงินได้เช่นกัน
เราควรจะแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนได้แก่
- ค่าใช้จ่ายคงที่ ต้องจ่ายเดือนละเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนชำระเบี้ยประกัน ฯลฯ
- ค่าใช้จ่ายผันแปร สามารถเพิ่มหรือลดได้ตามพฤติกรรมการใช้จ่าย ของเรา เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ
- เงินออมและเงินลงทุน
หลังจากนี้ก็จะรู้แล้วว่า เรามีความจำเป็นจะต้องใช้เงินอย่างแน่นอนเป็นจำนวนเท่าไหร่ และส่วนใดเป็นค่าใช้จ่ายที่เราสามารถประหยัดได้ เพื่อกำหนดงบประมาณการใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน
ฟรีแลนซ์มักจะมีรายได้ในแต่ละเดือนที่ไม่เท่ากัน บางเดือนอาจจะได้เยอะ บางเดือนอาจจะไม่ได้เลย ดังนั้น ในแต่ละครั้งที่ได้รับรายได้เข้ามา จึงต้องจัดสรรเงินให้ครบตามที่เรากำหนดเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละ เดือนก่อน ส่วนที่เหลือค่อยวางแผนการใช้จ่ายให้คุ้มค่าต่อไป
เราควรจะสำรองเงินไว้ให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเป็นหลักประกันของชีวิต หากเราไม่มีงานทำเลย ยังสามารถนำเงินสำรองมาใช้จ่ายเป็นการทดแทนได้
สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น เจ็บป่วย อุบัติเหตุ เพราะฟรีแลนซ์อย่างเรา ไม่ได้มีสวัสดิการใดๆ มาช่วยคุ้มครอง หรือทางที่ดีก็อาจจะแบ่งเงินบางส่วนไปซื้อประกัน เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่างๆ จะได้ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
ด้วยสิทธิประโยชน์จากทางรัฐบาล เช่น ถ้าเคยเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ของกองทุนประกันสังคมมาก่อน แล้วลาออกจากบริษัทมาเป็นฟรีแลนซ์ ก็ควรสมัครเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 เพื่อให้ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เป็นหลักประกันด้านสุขภาพและชราภาพ หรือสมัครเข้าร่วมกองทุนการออมแห่งชาติเพื่อสร้างหลักประกันเพิ่มเติมให้กับตัวเองด้วยอีกทาง
การเป็นฟรีแลนซ์ที่มีความมั่นคงทางการเงินนั้น จะต้องวางแผนการเงินให้ดี เพื่อเตรียมรับมือในเรื่องรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอให้ใช้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ของชีวิต รวมถึงต้องเก็บออมไว้ใช้ในยามที่ไม่มีงานไม่มีรายได้ และต้องไม่ลืมเก็บออมเผื่อฉุกเฉิน หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่สำคัญคือ เราควรสร้างหลักประกันให้กับชีวิตในด้านต่างๆ เช่น การซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ สมัครกองทุนประกันสังคม หรือกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อให้เราสามารถลดความเสี่ยง และเพิ่มความมั่งคั่งในอาชีพฟรีแลนซ์ของเราได้
ภาพปก : pixabay