เพื่อน ๆ เคยหงุดหงิดกันบ้างไหมคะ เวลาที่ฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดออกจากบ้านไปแล้ว กลิ่นนั้นกลับจางไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เฮ้อ...จะให้พกขวดน้ำหอมออกไปด้วยก็กระไรอยู่ (แต่บางคนก็ลงทุนพกจริง ๆ นะคะ) เราเพิ่งได้น้ำหอมขวดใหม่มา ก็อยากจะใช้ให้คุ้มค่า คุ้มราคา ผู้หญิงเราหลายคนให้ความสำคัญกับการฉีดน้ำหอมเพราะมันคือการแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างมีชั้นเชิง บางครั้งก็ทำให้รู้สึกเซ็กซี่และมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นได้ด้วย อย่างที่ Coco Chanel เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ผู้หญิงควรฉีดน้ำหอมในแต่ละส่วนของร่างกายที่พวกเธอปรารถนาอยากจะโดนจูบ” คำกล่าวนี้ก็อาจจะโดนใจหลายคนใช่ไหมคะ ^^ วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับสาว ๆ ที่อยากมีตัวหอม ผมหอมไปตลอดวันมาบอกกันค่ะ
ไม่ว่าน้ำหอมกลิ่นโปรดของเพื่อน ๆ จะเป็นแบรนด์อะไร ความเข้มข้นของกลิ่นหอมนั้นขึ้นอยู่กับ “ชนิด” ของน้ำหอมที่ใช้ด้วย เช่นพวก Eau de Parfum จะมีกลิ่นที่ติดทนนานมากที่สุดเพราะมีส่วนผสมของน้ำมันหอมมากสุดถึง 10-20 % รองลงมาก็จะเป็น Eau de Toilette ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมอยู่ที่ 5-15 % ส่วน Eau de Cologne ก็จะมีกลิ่นที่เจือจางมากที่สุดในบรรดาชนิดน้ำหอม เพราะมีส่วนผสมของน้ำมันหอมอยู่แค่ 3-8 % เท่านั้น และหากจำเป็นจะต้องอยู่ในที่อากาศเย็นหรือกลิ่นที่ค่อนข้างแรง ให้เลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นหอมชัดเป็นพิเศษ เนื่องจากความเย็นและกลิ่นต่าง ๆ จะลดกลิ่นของน้ำหอมให้น้อยลงได้ นอกจากนี้ ควรเก็บน้ำหอมในที่มืดให้พ้นจากแสงแดดโดยตรง ถ้าเก็บไว้ในกล่องก็จะยิ่งดีค่ะ
หลังจากเพื่อน ๆ อาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ผิวหนังที่มีความชื้นอยู่จะทำการดูดซึมได้ดีมากกว่าผิวแห้งธรรมดา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความหอม ให้ติดทนนานกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว
กลิ่นของน้ำหอมจะติดทนนานมากขึ้นบนผิวหนังที่มีความชุ่มชื้น เพราะน้ำมันบนผิวหนังจะเก็บกลิ่นของน้ำหอมให้ยาวนานมากกว่าเดิม หลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ลองทาโลชั่นหรือ Body Oil ตามจุดชีพจรต่าง ๆ เช่น ข้อมือ ลำคอ ร่องอก หรือแม้กระทั่งบริเวณข้อพับหลังเข่า เพราะจุดชีพจรเหล่านี้คือบริเวณที่เส้นเลือดอยู่ใกล้กับผิวหนังมากที่สุด สำหรับโลชั่นที่ทาควรเป็นแบบที่ไม่มีกลิ่น และควรรอประมาณหนึ่งถึงสองนาทีให้โลชั่นนั้นแห้งเสียก่อนก่อนที่จะฉีดน้ำหอมลงไป
หลังจากแต้มน้ำหอมที่ข้อมือทั้ง 2 ข้างแล้ว ไม่ควรถูข้อมือเข้าด้วยกัน เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้ความหอมทั่วถึง แต่เป็นการทำให้น้ำหอมมีกลิ่นอ่อนลง เราไม่ควรถูน้ำหอมให้ซึมเข้าไปในผิว เพราะจะทำให้น้ำหอมช้ำ ควรแต้มลงบนผิวแล้วปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติค่ะ
ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ควรฉีดหรือแต้มน้ำหอมแค่หนึ่งครั้งต่อหนึ่งจุดชีพจรก็พอแล้ว จำไว้ว่า less is more ค่ะ โดยจุดชีพจรสำคัญ ๆ ได้แก่ ข้อมือ ข้อศอก หลังหู ซอกคอ เนินอก และข้อพับขา เพื่อให้กลิ่นหอมตั้งแต่ด้านบนจรดปลายเท้า ทั้งยังช่วยกระตุ้นและกระจายกลิ่นหอมได้เป็นอย่างดี อีกเทคนิคที่เหมือนจะเป็นที่นิยมก็คือการฉีดน้ำหอมไปในอากาศและเดินผ่านละอองน้ำหอม เพราะขณะเดินผ่าน ละอองน้ำหอมจะติดกระจายไปทั่วตัว แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้วิธีนี้ถ้าเพื่อน ๆ ใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับครบหมดแล้ว เพราะน้ำหอมส่วนใหญ่จะทิ้งรอยด่างถาวรไว้บนเนื้อผ้า เครื่องเงิน หรือเครื่องประดับมุกค่ะ
การฉีดน้ำหอมบนเส้นผมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าลองสำหรับใครที่ต้องการมีกลิ่นน้ำหอมที่บางเบาแต่ติดทนนานไปทั้งวัน แต่สิ่งที่ควรระวังไว้ก็คือ ควรฉีดน้ำหอมบนเส้นผมที่เพิ่งสระใหม่ ๆ ไม่อย่างนั้นน้ำมันบนเส้นผมหรือสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ผมต่าง ๆ อาจทำให้กลิ่นของน้ำหอมเปลี่ยนไปได้ นอกจากนี้แอลกอฮอล์ในน้ำหอมอาจทำให้เส้นผมแห้งได้ เวลาจะฉีดน้ำหอมควรฉีดในระยะห่างประมาณ 8 นิ้วกำลังพอดี หรือฉีดน้ำหอมที่แปรงหวีผมก่อนที่เราจะแปรงผม ก็ช่วยให้เส้นผมเราหอมและไม่เสียอีกด้วย