พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้า ฯ ให้พระครูสิทธิชัย (กระต่าย) สร้างเสาชิงช้าขึ้นตรงหน้าเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ในพระนคร เพื่อใช้ในพิธีโล้ชิงช้า อันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีตรียัมปวายเพื่อต้อนรับพระอิศวร หนึ่งในเทพตรีมูรติของของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งจะเสด็จลงมาสู่โลกในวันขึ้น 7 ค่ำเดือนยี่ อันเป็นคติที่เกี่ยวเนื่องกับการสร้างบ้านเมืองให้มั่นคงแข็งแรง ทำให้ประเทศชาติมั่นคง
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อมีการสร้างโรงเก็บน้ำมันก๊าดขึ้นบริเวณนั้น จึงต้องย้ายเสาชิงช้ามาสร้างใหม่ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน บริเวณหน้าวัดสุทัศน์เทพวราราม
เป็นการจัดแสดงตำนานเทพเจ้าสร้างโลก โดยเสาทั้งสองข้างของชิงช้านั้นเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขาลูกใหญ่ โดยผู้โล้ชิงช้าเป็นตัวแทนของพญานาคที่มายื้อยุดทดสอบกำลังความแข็งแรงของโลก และพระยายืนชิงช้าเป็นตัวแทนของพระอิศวรที่เสด็จลงมายังโลก โดยในตำนานพระอิศวรจะทรงยืนขาเดียวในลักษณะไขว่ห้าง หากพญานาคไกวตัวแล้วเท้าของพระอิศวรไม่ตกลงมา แสดงว่าโลกที่ทรงสร้างนั้นมั่นคง แข็งแรง โดยในพิธีจะ ให้พระยานั่งไขว่ห้างแทนการยืน
เสาชิงช้าทำด้วยไม้สักทาสีแดงชาดสูงประมาณ 21 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางฐานกลมประมาณ 10.5 เมตร ฐานกลมก่อเป็นฐานปัทม์ทำด้วยหินล้างสีขาว พื้นบนปูกระเบื้องดินเผาสีแดง มีบันได 2 ขั้น ทั้ง 2 ด้าน และติดสายล่อฟ้าจากลวดลายกระจังด้านบนลงดิน กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492
วีดีทัศน์ แสดงภาพการโล้ชิงช้าในสมัยรัชกาลที่ 7 จาก, Youtube