สาเหตุมักเกิดจากการเจ็บป่วย เช่น เป็นไข้หวัด ปวดบวม หูอักเสบ ท้องเสีย และมีภาวะน้ำตาลหรือเกลือแร่ในเลือดต่ำส่วน โรคลมชัก (Epilepsy) คือ อาการชักที่เกิดขึ้นซ้ำตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป สามารถเกิดได้จากความผิดปกติของเกลือแร่ ภาวะติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง หรือมีไข้สูง โรคลมชักเป็นปัญหาทางระบบประสาทที่พบบ่อยในเด็กช่วงอายุ 5 ปีแรก หลังจากนั้นความเสี่ยงการเกิดโรคลมชักจะลดลง ซึ่งอาการชักที่เกิดขึ้นในครั้งแรก มีโอกาสจะเกิดซ้ำได้อีก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตรวจพบมีความผิดปกติของคลื่นสมอง โรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสมอง ได้รับอุบัติเหตุที่มีผลกระทบต่อสมอง มีประวัติพัฒนาการล่าช้า หรือเคยมีประวัติไข้สูงแล้วชัก และเกิดจากกรรมพันธ์ุ สำหรับอาการชักที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวยังไม่แสดงว่าผู้ป่วยเป็นโรคลมชัก
• อาการชักทั้งตัว มีการกระตุกทั่วร่างกาย เวลาชักจะเกร็งตัวประมาณ 1-2 นาที
• อาการชักเฉพาะอวัยวะบางส่วนของร่างกาย
• อาการชักเหม่อนิ่ง เด็กจะหยุดพูดหรือหยุดเล่นทันที ไม่ตอบสนองต่อการเรียก มีอาการชักไม่เกิน 30 วินาทีแล้วจะหายเอง สามารถกลับมาเล่นและพูดคุยได้ตามปกติ
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคลมชักและอาการชักของลูก เพื่อที่จะได้รับมืออย่างถูกต้อง
1. เมื่อคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการชัก อันดับแรกเลย คือตั้งสติให้ดี ควบคุมอารมณ์เตรียมพร้อมสำหรับการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า
2. จับเด็กนอนราบก่อน จากนั้นตะแคงตัวเด็กไปด้านข้างเพื่อไม่ให้ลิ้นและน้ำลายไปอุดทางเดินหายใจ เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น หากพบว่าร่างกายแข็งเกร็ง อย่าพยายามนวด ง้าง ดึง และหากพบว่าเด็กมีไข้ ให้รีบลดความร้อนด้วยการเช็ดตัวให้ไข้ลด
3. คลายเสื้อผ้าที่รัดออก กันคนมุงออกไปห่าง ๆ พยายามนำตัวเด็กไปยังที่โล่งเพื่อให้อากาศถ่ายเท และควรอยู่ให้ห่างของมีคม เช่น มุมโต๊ะ หรือวัตถุต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บ
4. ห้ามนำอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือสิ่งของยัดใส่เด็กขณะชักเด็ดขาด นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังอาจก่อให้เกิดอันตรายในช่องปาก เช่น ฟันหักอุดหลอดลม สำลัก อาเจียน ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
5. ถ้าเด็กชักสั้น ๆ ไม่กี่นาทีแล้วหายกลับมาเป็นปกติดีทุกอย่าง อาจพาไปปรึกษาแพทย์ในวันรุ่งขึ้นได้ แต่หากมีอาการชักนานเกิน 5 นาที หรือมีอาการชักแล้วหยุดแล้วชักอีกโดยที่ยังไม่กลับมารู้สึกตัวในระหว่างชัก ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที