น้ำนมแม่ เกิดขึ้นเมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ โดยร่างกายของแม่จะสร้างฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมมากขึ้นเมื่อคุณแม่คลอดลูกออกมา สัญญาณหนึ่งที่ทำให้คุณแม่รู้ว่ามีน้ำนมแล้ว คือการคัดนม นั่นเอง
ทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือนสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินนมแม่เพียงอย่างเดียว เพราะในน้ำนมแม่มีสารอาหารจำเป็นอยู่มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารโคลอสตรัม ซึ่งเป็นสารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ทารกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสารต้านการอักเสบในนมแม่ ยังช่วยลดการติดเชื้อของทารกได้ ช่วยให้ทารกมีสุขภาพแข็งแรง และไม่ป่วยบ่อย ซึ่งสารที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นคุณประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็ก ส่งเสริมให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงสมบูรณ์
นอกจากสารอาหารตามที่กล่าวมาแล้ว น้ำนมแม่ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้
เนื่องจากน้ำนมแม่มี DHA ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของไขมันในสมองในการเสริมสร้างเซลล์สมองและจอประสาทตา ทั้งยังมี ทอรีน สำหรับเสริมพัฒนาการของทารก ส่งผลให้ทารกที่ได้กินนมแม่อย่างเต็มที่มีพัฒนาการทางสมองและสายตาเต็มประสิทธิภาพ
สารแลคโตเฟอร์รินในน้ำนมแม่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ช่วยดักจับแบคทีเรียในลำไส้และป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารของทารกได้ ทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลกมักติดเชื้อได้ง่าย หากมีสารป้องกันการติดเชื้อนี้ จะช่วยให้ทารกมีพัฒนาการทางร่างกายที่สมบูรณ์ขึ้น เพราะไม่มีอาการเจ็บป่วยมาคอยขัดขวาง
เคยสังเกตไหมว่าเด็กที่ดื่มนมแม่จนอายุ 2-3 ปีมักเป็นภูมิแพ้ยากกว่าเด็กที่ดื่มนมแม่เพียงไม่กี่ปี นั่นเป็นเพราะน้ำนมแม่มีสารสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแรงของร่างกายอีกขั้นให้ทารก
น้ำนมแม่มีสารช่วยปรับสมดุลระบบย่อยและระบบขับถ่ายของทารก ด้วยการเพิ่มการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดโรคในลำไส้เพื่อให้เกิดการขับถ่าย และยับยั้งจุลินทรีย์ประเภทที่อาจก่อให้เกิดท้องเสียได้อีกด้วย
การให้ทารกดื่มนมจากอกแม่ นับเป็นห้วงเวลาต้องมนต์ที่แสนวิเศษ เพราะทารกจะได้รับความรักความอบอุ่นจากอ้อมอกแม่ ทั้งยังได้ฟังเสียงหัวใจของแม่ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เจริญเติบโตอยู่ในท้อง ทารกจะรู้สึกเป็นสุขและปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่ ฉะนั้นการโอบกอดและให้นมจากอกจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจของลูก อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตในอนาคต
ปัจจุบัน องค์กรอนามัยโลก และอีกหลากหลายสถาบัน รวมทั้งโรงพยาบาลหลายแห่ง เริ่มรณรงค์ให้เด็กทารกดื่มน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด จนถึงระยะน้ำนมแม่หมด หรือจนกว่าลูกจะอายุประมาณ 2-3 ปี เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็กอย่างเต็มที่ แต่ก็มีคุณแม่บางคนที่มีปริมาณน้ำนมไม่เพียงพอ บางรายทารกกินน้ำนมแม่ได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำไป จึงก่อให้เกิด "ธนาคารนมแม่" ขึ้นตามสถาบันและโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อให้คุณแม่ที่ลูกโตแล้ว หรือหย่านมแล้ว แต่น้ำนมแม่ยังไหลอยู่ บริจาคน้ำนมแก่เด็กทารกรายอื่น ๆ ที่ขาดแคลน ซึ่งสถาบันเหล่านี้มีการพัฒนาต่อยอดกระบวนการผลิต เพื่อนำน้ำนมแม่มาผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ และการควบคุมความสะอาดและปลอดภัยต่อไป
คุณแม่ที่สนใจและมีคุณสมบัติตรงตามที่กล่าวมา สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเข้ามาบริจาคน้ำนมแม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ตามสถาบันและโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้แก่
โทร 02-200-4530
http://www.si.mahidol.ac.th/th/division/sirirajmilkbank/
โทร 02-414-1076