แต่เดิมคนไทยเชื่อว่า การที่มนุษย์คนหนึ่งจะเกิดขึ้นมาได้นั้น
จะต้องมีผีตอนหนึ่งเป็นผู้ปั้นมนุษย์คนนั้นขึ้นมา และใส่วิญญาณเข้าไป ส่งเข้าสู่ครรภ์ของแม่
เมื่อเด็กเกิดมาแล้ว ผีตนนั้นก็จะคอยมาดูแล ปกป้องไม่ให้มีผีร้ายตอนอื่นมารังแก
แต่ถ้าเด็กเกินน่ารักมากๆ จนแม่ซื้อเสียดาย ก็จะบันดาลให้เด็กป่วยจนตายเพื่อเอาคืนไปได้เหมือนกัน
ด้วยความรักและห่วงลูกเล็ก คนไทยจึงมีความเชื่อต่อกันมาว่า
จะต้องออกอุบายหรือทำวิธีต่อๆ เพื่อไม่ให้แม่ซื้อมาเอาเด็กกลับไป วิธีที่ว่าก็เช่น
ห้ามชมเด็กว่าน่ารัก
อย่างที่เรามักได้ยินเสมอว่า เมื่อเด็กเกิดมา ผู้ใหญ่จะบอกว่าเด็กคนนี้หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง
ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะแม่ซื้อจะได้รู้ว่า เด็กคนนี้ไม่น่ารักเสียเลย จะได้ไม่อยากเอาตัวเด็กไป
ใช้ยันต์หรือคาถาไล่ผี
เช่นติดยันต์ท้าวเวสสุวรรณซึ่งเชื่อว่าเป็นยักษ์ที่ผีทั้งหลายต่างเกรงกลัวไว้เหนือเปลเด็ก
เพื่อไม่ให้แม่ซื้อมาเอาตัวเด็กไป
ตั้งชื่อเด็กให้น่าเกลียดเข้าไว้
คนในสมัยก่อนจึงชื่อเหม็นบ้าง เขียดบ้าง
แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครตั้งชื่อลูกให้น่าเกลียดแบบนี้แล้วล่ะ
ในสมัยก่อนเมื่อมีเด็กเกิดใหม่ จะมีการทำพิธี “ร้อนกระด้ง”
โดยนำเด็กวางบนกระด้ง และร่อนเป็นวงกลม พลางร้องว่า
จากนั้นจะมีผู้หญิงอีกคนซึ่งไม่ใช่แม่มาเอ่ยปากรับเป็นแม่ของเด็กแทน
เพื่อเป็นการหลอกแม่ซื้อว่า แม้แต่แม่แท้ๆ ก็ยังไม่อยากได้เด็กคนนี้ไว้เลย
ให้แม่ซื้อคิดว่า เด็กคนนี้น่ารังเกียจเหลือเกิน
เชื่อกันว่าสมัยก่อนคนไทยนิยมให้เด็กไว้ผมจุก ผมแกละ เพื่อให้เด็กเลี้ยงง่าย สุขภาพแข็งแรง
โดยจะไว้ผมทรงอะไร จะต้องปั้นตุ๊กตาเป็นผมหลายๆ ทรงและเอามาวางให้เด็กเล่น
หากเด็กที่ยังมีประสีประสานั้นหยิบจับตุ๊กตาตัวไหนเป็นพิเศษ
ก็จะถือว่าแม่ซื้อช่วยเลือกให้ และให้เด็กไว้ผมทรงนั้น
จารึกเกี่ยวกับแม่ซื้อที่หลงเหลืออยู่ในประเทศไทยนั้น
มีปรากฏอยู่ที่วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร)
ซึ่งปรากฏเป็นภาพวาดบนผนัง และมีแผ่นจารึกเกี่ยวกับแม่ซื้อให้เข้าไปชมกันได้
โดยจากรึนี้จัดอยู่ในหมวดตำรายา เพราะคนไทยสมัยก่อนเชื่อว่า
อาการป่วยของเด็กนั้นเกิดจากแม่ซื้อนั่นเอง ใครสนใจก็ลองไปชมได้ที่วัดโพธิ์นะจ๊ะ