สำนวนนี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ ๓ - รัชกาลที่ ๔
เล่ากันว่าในครานั้นเกิดเหตุ โรคอหิวาต์ระบาดหนักในพระนคร
ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจนเผาไม่ทัน
ศพจึงถูกนำมากองรวมไว้ที่วัดสระเกศซึ่งเป็นวัดที่ใช้เผาศพ
เมื่อมีศพจำนวนมากเข้า ฝูงแร้งก็พากันบินมารุมล้อม จิกกินเหยื่อเป็นอาหาร
จนทำให้เกิดสำนวน “แร้งวัดสระเกศ” ขึ้นมา
ยิ่งนานเข้า ศพก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
และเริ่มมีข่าวลือประหลาด ว่ามีคนพบเห็นเปรตตัวสูงใหญ่
ปรากฏกายที่หน้าวัดสุทัศน์ ซึ่งอยู่ละแวกเดียวกับวัดสระเกศ
เมื่อเสียงร่ำลือหนาหูมากขึ้น ก็เกิดสำนวน “เปรตวัดสุทัศน์” ตามมานั่นเอง
เรื่องเปรตที่วัดสุทัศน์นี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็คงไม่มีใครตอบได้
แต่ก็มีผู้ออกมาวิเคราะห์ว่า ภาพเปรตที่คนเล่าลือกันนั้น
แท้จริงเป็นแค่เงาของเสาชิงช้าที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าวัดเท่านั้นเอง
นอกจากเรื่องตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเปรตที่ปรากฏกายชวนขนหัวลุกแล้ว
ที่วัดสุทัศน์ยังมีภาพวาดบนฝาผนังเกี่ยวกับเปรตรอยู่บนเสาต้นที่สี่ในอุโบสถวัด
เป็นภาพของเปรตนอนทอดกายอยู่ และมีพระธุดงพยายามป้อนน้ำในบาตรให้เปรตได้ดื่ม
แต่เปรตตนนั้นดื่มไม่ได้ ด้วยบาปกรรมที่ทำเอาไว้เมื่อครั้งมีชีวิต
ภาพนี้ถือเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมาก และเป็นหนึ่งในกุศโลบายใช้สอนคนมาช้านาน
หากใครอยากไปชมภาพนี้ด้วยตาของตนเอง ก็สามารถไปชมได้ที่วัดสุทัศนเทพวราราม
โดยรถประจำทางที่วิ่งผ่านหน้าวัด ได้แก่สาย 10 ,12 ,15 ,19 ,35 ,42 ,48 ,73 และ 96