สนามบินดอนเมือง หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเทพ ฯ เปิดให้บริการครั้งแรก ภายหลังจากที่มีการยกเลิกสนามบินสระปทุม (สนามบินเเห่งเเรกของประเทศไทย) สนามบินดอนเมืองมี 3 อาคารผู้โดยสาร และเป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเทพมหานครในอดีต นอกจากนี้กองทัพอากาศได้ถือเอาวันที่ 27 มีนาคมนี้ เป็นวันที่ระลึกกองทัพอากาศอีกด้วย
•พ.ศ. 2454 มีชาวต่างประเทศนำเครื่องบินเข้ามาแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรกบริเวณสนามม้าสระปทุมหรือสนามม้าของราชกรีฑาสโมสรในปัจจุบัน ต่อมาไม่นานได้มีการจัดตั้งแผนกการบินและสร้างสนามบินขึ้น เรียกว่า "สนามบินสระปทุม" ซึ่งนับเป็นสนามบินแห่งแรกของประเทศไทย
•ต่อมาในพ.ศ. 2457 กระทรวงกลาโหมเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความคับแคบ มีน้ำท่วมขัง จึงได้คิดหาสถานที่ใหม่ที่มีบริเวณกว้างขวาง เป็นพื้นที่ดอน น้ำไม่ท่วม ไม่ห่างไกลจากพระนคร และเป็นพื้นที่ที่สามารถพัฒนาเป็นสนามบินขนาดใหญ่ต่อไปได้ในอนาคต จากการสำรวจทางอากาศได้เห็นที่นาซึ่งเป็นที่ดอนทางตอนเหนือของอำเภอบางเขนเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นเดิมชาวบ้านเรียกว่า "ดอนอีเหยี่ยว" เพราะมีฝูงเหยี่ยวบินมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในบริเวณที่ดอนนี้
•ราวปี พ.ศ. 2469 ทางราชการได้พิจารณาจัดตั้งกองการบิน สังกัดกองทัพบกขึ้น ณ บริเวณที่แห่งนี้ ซึ่งต่อมาในภายหลังได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นกองทัพอากาศ (โดยมี พล.อ.ท.พระยาเฉลิมอากาศ เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศคนแรก) และในปีนั้นเอง ทางราชการกองทัพอากาศได้ขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อสถานที่จากดอนอีเหยี่ยวเป็น "ดอนเมือง"
•เมื่อแผนกการบินกองทัพบกย้ายจากสนามบินสระปทุมวันมาตั้งอยู่ ณ สนามบินดอนเมือง ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2457 ขณะนั้นสนามบินดอนเมืองยังคงมีสภาพเหมาะสมที่จะรองรับเครื่องบินขนาดเล็กและมีน้ำหนักน้อยเท่านั้น พื้นทางวิ่งยังคงเป็นหญ้าปรับให้เรียบ และในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2547 เครื่องบินแบบนิเออปอรต์ (Nieuport) และเครื่องบินแบบเบรเกต์ (Breguet) ที่ประเทศไทยซื้อมาใช้ในราชการได้บินมาลงที่สนามบินดอนเมืองเป็นปฐมฤกษ์
•ต่อมาได้มีการพัฒนาสนามบินขึ้นมาเรื่อยๆ โดยในระยะแรกที่ย้ายสนามบินมาที่ดอนเมืองนั้นจะมีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนไปเยี่ยมชมกิจการการบินอยู่เสมอ
กระทั่ง พ.ศ. 2467 เริ่มมีสายการบินพานิชย์สายแรก คือ "รอยัล ดัตช์ แอร์ไลน์" Royal Dutch Airline (KLM) มาลงจอดที่สนามบินดอนเมือง
•พ.ศ. 2483 กองทัพอากาศได้จัดตั้งกองการบินพลเรือนขึ้นเพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับการบินระหว่างประเทศ และอีก 8 ปีต่อมาก็ได้ยกฐานะจากกองเป็นกรม และได้ปรับปรุงสนามบินดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานสากลเรียกว่า "ท่าอากาศยานดอนเมือง”
•พ.ศ. 2484 ได้มีการพัฒนาก่อสร้างอาคารที่ทำการของการบินพลเรือนและอาคารผู้โดยสาร แต่ในช่วงปลายปีกิจการการบินพานิชย์ต้องยุติลงเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
•พ.ศ. 2489 หลังสงครามสิ้นสุด กิจการการบินพลเรือนก็เริ่มต้นอีกครั้ง
•พ.ศ. 2491 หลังจากที่มีการจัดตั้งกรมการบินพลเรือนแล้วได้มีการพัฒนาท่าอากาศยานครั้งใหญ่ระหว่างพ.ศ. 2491-2495 ทั้งในส่วนทางวิ่ง ทางขับ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
•วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2498 สนามบินได้มีการเปลี่ยนชื่อที่ใช้อย่างเป็นทางการจาก ("ท่าอากาศยานดอนเมือง" (Donmuang Airport) มาเป็น "ท่าอากาศยานกรุงเทพ ฯ"(Bangkok Airport)
•พ.ศ. 2513-2516 ได้มีการปรับปรุงและขยายท่าอากาศยานกรุงเทพ ฯ อีกวาระหนึ่ง ได้แก่ การสร้างอาคารผู้โดยสารขาออกเป็นอาคาร 4 ชั้น มีลานจอดรถ ภัตตาคาร ที่ทำการสายการบินในอาคารเดียวกัน และสร้างอาคารผู้โดยสารขาเข้า มีสะพานขึ้นลงเครื่องบิน 4 ชุด นอกจากนั้นมีการสร้างลานจอดและอาคารคลังสินค้าเพิ่มขึ้น
•ต่อมาเมื่อเครื่องบินมีขนาดใหญ่มากขึ้น และจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในพ.ศ. 2528 จึงได้มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติม ได้แก่ อาคารผู้โดยสารในประเทศและอาคารผู้โดยสารต่างประเทศ Terminal 1
•ภายหลังที่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตและทันสมัยกว่าได้สร้างเสร็จเมื่อพ.ศ. 2549 สนามบินดอนเมืองก็ถูกเปลี่ยนมาให้บริการสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศเท่านั้น และย้ายการให้บริการสายการบินในเชิงพาณิชย์ทั้งหมดไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2549
เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 คณะรัฐมนตรีในสมัยของ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) ได้มีมติให้เปิดบริการสนามบินดอนเมืองขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากพบปัญหาการจราจรทางอากาศที่หนาแน่นของสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งต้องการขยายและพัฒนาประสิทธิภาพของดอนเมืองให้มีความคล่องตัวรองรับในระบบการอากาศยานได้
สนามบินดอนเมืองจึงกลับมาเปิดให้บริการครั้งใหม่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 โดยกลับไปใช้ชื่อว่า "ท่าอากาศยานดอนเมือง" เเละกลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555