ลัทธิโอมชินริเคียวก่อวินาศกรรมโดยการปล่อยแก๊สพิษซารินในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียวมากถึง 5 สถานี ในเวลา 8 โมงเช้าซึงเป็นชั่วโมงเร่งด่วนที่มีผู้คนพลุกพล่าน สาวกของลัทธินี้ได้นํากระเป๋าซึ่งบรรจุแก๊สซารินเหลวลง
มายังสถานีรถไฟใต้ดิน จากนั้นได้ทําการเจาะกระเป๋าให้แตกออกโดยใช้ร่มปลายแหลม เมื่อซารินจำนวนมากไหลออกมาได้ก่อให้เกิดเป็นแก๊สพิษภายในรถไฟ
มีผู้เสียชีวิตทันที 12 คน บาดเจ็บมากกว่า 6,000 คน เป็นคดีฆาตกรรมอย่างไม่เลือกตัวครั้งใหญ่ที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากยังต้องทรมานกับผลข้างเคียงของแก๊สพิษซารินจนถึงทุกวันนี้ หลายคนกลายเป็นอัมพาตและบางคนยังคงหลับไหลไม่ได้สติ
•ลัทธินี้มีต้นกำเนิดมาจากโรงฝึกโยคะโอมโนะไค (สมาคมโอม) ที่ชิบูย่า ในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การก่อตั้งของ "อาซาฮาระ โชโค" เจ้าลัทธิ (ชื่อจริง - มัทสึโมโตะ จิซึโอะ) เมื่อปี 1984 เดิมทีมีเพียงการสอนโยคะ และวิธีนั่งสมาธิเท่านั้น
•ปี 1986 หลังจากที่อาซาฮาระ อ้างว่าตัวเองได้พบกับการหลุดพ้นขณะเดินทางสู่เทือกเขาหิมาลัย เขาจึงเปลี่ยนชื่อจาก"สมาคมโอม" มาเป็น "สมาคมเซียนโอม" และเปลี่ยนชื่อเป็น "โอมชินริเคียว" ในที่สุดเมื่อปี 1987 โดยคำสอนภายในลัทธิจะสอนให้รู้จักการเข้าสมาธิ การฝึกจิตเพื่อให้เข้าถึงการรู้เเจ้ง และมีความเชื่อในเรื่องของวันโลกาวินาศ เริ่มมีการแสดงโชว์ปาฏิหารย์หลายอย่าง เช่น การลอยตัวกลางอากาศ บรรดาลูกศิษย์ที่นับถืออาซาฮาระจำนวนมากจึงตามมาเข้าร่วมลัทธิด้วย และมีสาวกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
•อาซาฮาระ ได้จดใบอนุญาติเป็นลัทธิอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ณ ที่ทำการจังหวัดโตเกียวในวันที่ 25 สิงหาคม 1989 หลังจากจดทะเบียนแล้ว จึงย้ายฐานใหญ่ไปยังเมืองฟูจิมิยะ จังหวัดชิสึโอกะ มีการขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ เช่น รัสเซีย ออสเตรเลีย ยูเครน เยอรมนี ไต้หวัน ศรีลังกา ยูโกสลาเวีย และสหรัฐอเมริกา
•สาวกในลัทธินี้แค่เฉพาะในญี่ปุ่นก็มีจำนวนมากถึง 10,000 กว่าคนเลยทีเดียว สาวกจะได้รับตำแหน่งและหน้าที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ในกลุ่มแกนนำของลัทธิจะเป็นผู้ที่มีการศึกษาสูง จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นและยังมีสาวกจากทั่วโลกรวมแล้วกว่า 40,000 คน
ชื่อของลัทธิมาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต โอม (ओम्) ซึ่งก็คือตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู ตามด้วยตัวหนังสือคันจิ ชินริเคียว (Shinrikyō) ตัวอักษรแต่ละตัวของโอมคือ A U M มีความหมายถึง"การสร้างสรรค์" "การคงอยู่" และ"การทำลาย" ของจักรวาล ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วหมายถึง "อนิตยา" (ความไม่เที่ยงแท้) อันเป็นรากฐานของคำสอนของโอม ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อลัทธิเป็น เอลป์ (ʾĀlep) ซึ่งหมายถึงอักษรตัวแรกในภาษาฮีบรู (א) และภาษาฟินิเชีย
3 วันหลังจากเหตุร้ายที่ชินจูกุ ตำรวจได้บุกค้นลัทธิโอมชินคิเรียว และในวันที่ 16 พฤษภาคม 1995 ก็สามารถจับกุมอาซาฮาระพร้อมสาวกแกนนำได้ อาซาฮาระถูกฟ้อง 17 คดี และในปี 2006 จึงถูกตัดสินโทษประหารในการพิพากษาขั้นที่ 1 พร้อมกับสาวกหลายคน จะอย่างไรก็ดียังมีสาวกอีกหลายคนอยู่ระหว่างการหลบหนี และในที่สุด "คัตสึยะ ทาคาฮาชิ" ผู้ต้องสงสัยคนสุดท้ายของลัทธิโอมชินริเคียวก็ได้ถูกจับกุม ได้ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในเมืองโตเกียวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2012