ร้านไอศกรีมซอฟท์ที่แน่นไปด้วยท็อปปิ้งมากมายให้ลูกค้าได้ครีเอทกัน บรรยากาศร้านเปิดโล่ง ภายในร้านไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ กระเบื้องปูพื้น ล้วนแล้วเป็นรูปหกเหลี่ยมรังผึ้ง เพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ของร้านนั่นเอง
เมนู Signature ของที่นี่เป็นไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟท็อปปิ้งด้วยรังผึ้งแท้ๆ หวานหอมคุณภาพดีจากฟาร์มผึ้งของทางร้าน ซึ่งไอศกรีมของทางร้านมีให้เลือก 2 แบบคือ รสวานิลลาหอมหวาน ละมุ่นลิ้น และไอศกรีมโยเกิร์ต Low Fat สีชมพู่ รสออกเปรี้ยวๆ หวานๆ ให้ความรู้สึกสดชื่น
และเมื่อสั่งไอศกรีมแล้ว ก็จะต้องเลือกว่าจะใส่โคนหรือใส่ถ้วย และเสน่ห์ของที่นี่คือการให้ D.I.Y. สร้างสรรค์เมนูโปรดกันเอง อยากใส่ท็อปปิ้งอะไรก็จัดตามใจชอบได้เลย นอกจากนี้ยังมีให้สั่งไอศกรีมมากินคู่กับโทสต์, วาฟเฟิล หรือจะสั่งเป็นพาร์เฟ่ต์ก็อร่อยไปอีกแบบ
เมนูตัวต่อมาคือ “Buzzle Waffle with Cotton Candy” (245.-)
วาฟเฟิลร้อนๆ ทานคู่กับผลไม้สด เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมวานิลลา ราดด้วยน้ำผึ้งหวานๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน เด็ดสุดคือท็อปปิ้งสายไหมสีชมพูที่เห็นแล้วอดใจไม่ไหว ต้องถ่ายรูปก่อนกิน
มาต่อกันที่เมนู “Melted Marshmallow Choco Toast” (225.-)
โทสต์ร้อนๆ ทาเนยชุ่มๆ พร้อมกับช็อกโกแลตบัตเตอร์สก๊อตช์ เพิ่มดีกรีอร่อยขั้นสุดด้วยมาร์ชเมลโลที่อบมาจนเยิ้มแถมยังมีไอซ์ซิ่งและถั่วโรยมา กินคู่กับไอศกรีมนม แต่ถ้าใครยังไม่จุใจกับเซตที่จัดมาให้ยังเลือกท็อปปิ้งเพิ่มเองได้ตามใจอีก
ต่อด้วยเมนูเบาๆ อย่าง “Strawberry Parfait” (135.-)
ไอศกรีมพาร์เฟ่ต์ ใส่คอนเฟลก และวิปครีม ตัดเลี่ยนด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีและบิสกิตรูปหัวใจ ให้ รสหวานอมเปรี้ยว
ปิดท้ายด้วย Ovaltine kakigori น้ำแข็งไสโอวันติน เสิร์ฟพร้อมกล้วมหอม และโอวันตินบิสกิต
สำหรับคนชอบบิงซูหรือน้ำแข็งไสโดยเฉพาะต้องไม่พลาดเมนูนี้เลย กลิ่นและรสชาติที่คุ้นเคยทำให้ห้วนถึงวัยเด็ก ยิ่งทานคู่กับกล้วยหอมเป็นอะไรที่เข้ากันสุด ๆ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Ary.kree