(สวนกล้วยไม้และสวนพฤกษศาสตร์)
ฟังดูอาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าเป็นสายชิลที่ชอบเดินเล่นในสวนสาธารณะ และชอบเดินไปดูดอกไม้ไม่ควรพลาด สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้เป็นสวนเก่าแก่ของสิงคโปร์ มีอายุมากกว่า 150 ปี แถมเป็นมรดกโลกอีกด้วย แนะนำว่าเตรียมแพลนครึ่งเช้าสำหรับสวนนี้ไว้เลย เดินเพลิน ๆ ไปกลับจาก MRT - สวนกล้วยไม้ก็ปาเข้าไปหลายสิบกิโล (สวนเขามีเนื้อที่ตั้ง 500 ไร่) แต่ขอบอกว่าคุ้มค่าเหนื่อย เพราะสวนกล้วยไม้สวยมาก !
แลนด์มาร์คแห่งนี้นักท่องเที่ยวแบบชาวเรานี่ล่ะที่หาเจอ เป็นอุโมงค์ทางเดินที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงปลายอุโมงค์นี่ล่ะ แต่พอถ่ายภาพออกมาสวยอย่าบอกใคร วิธีการไปไม่ยากมีอยู่ในเว็บท่องเที่ยวเพียบ (ใบ้ให้ว่าลง MRT Penang Road แล้วเดินตามไกด์ในเว็บเที่ยว ไม่หลงหรอก เชื่อสิ)
คาเฟ่น้องไข่ขี้เกียจ
สายคิ้วท์เห็นเป็นต้องกรี๊ดหนักแน่นอน เพราะทั้งร้านมีน้องไข่ขี้เกียจวิ่งเล่นให้ได้อมยิ้มกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์หน้าร้าน เก้าอี้รูปไข่ ซุ้มโซฟาไข่ และผนังน้องไข่ดุ๊กดิ๊ก แถมแต่ละเมนูก็ชวนให้อยากสั่งแทบทุกอย่าง นี่เห็นรูปยังน้ำลายไหลอยู่เลย Gudetama Cafe หาไม่ยาก ปักหมุดไว้ที่ Suntec City ก็หาเจอแล้ว
รีวิวคาเฟ่ไข่ขี้เกียจเพิ่มเติมที่ >> พาเที่ยวสิงคโปร์ ไปชิมขนม @ คาเฟ่ไข่ขี้เกียจ Gudetama สุดคิ้วท์
สตรีทอาร์ตอีกแห่งที่ควรมาชักภาพก็ที่ Haji Lane นี่ล่ะ อยู่ใกล้กับ Little India ลง MRT สถานี Bugis มาก็ถึงแล้ว Haji Lane เป็นซอยเล็ก ๆ สั้น ๆ แต่มีภาพ Graffitti เต็มสองข้างทางไปหมด แนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ แล้วอยู่ต่อจนมืด ช่วงเวลาที่แตกต่างกันก็เหมือนอยู่กันคนละโลกเลยล่ะ สวยกันคนละแบบจริง ๆ
(คลากคีย์)
คลากคีย์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ จะมาเที่ยวกลางวันก็ดี กลางคืนก็ยิ่งสวย เหมาะสำหรับสายชิลที่ชื่นชอบการนั่งกินดื่มท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ แสงสีสวย ๆ แนะนำว่าไปช่วงกลางคืนจะตื่นตาตื่นใจกว่าช่วงกลางวัน เพราะมีแสงสีและดนตรีสดให้ฟังกันเกือบตลอดทั้งคืน
• อย่าลืมถ่ายรูปกับ สิงโตพ่นน้ำ หรือ Merlion สัญลักษณ์สำคัญของที่นี่
• ใครไปเที่ยวช่วงตุลาคม – มกราคมก็ต้องทำใจหน่อย เพราะช่วงมรสุมของเขาพอดี
• น้ำเปล่าที่สิงคโปร์แพงมาก (ราคาเท่ากับน้ำหวานหรือน้ำอัดลม) ดังนั้นขวดเปล่าสำคัญมาก ควรพกติดตัวไว้เติมน้ำ