นิทานเข้าแบบของไทยเท่าที่ได้มีผู้รวบรวมไว้มี ๒ ประเภทคือ นิทานไม่รู้จบและนิทานลูกโซ่ นิทานไม่รู้จบและนิทานลูกโซ่ตามท้องถิ่นต่างๆ ยังมีการรวบรวมไว้น้อยจึงขอยกตัวอย่างมาให้ดูประเภทละ ๑ เรื่อง ซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านจากภาคกลาง
นิทานไม่รู้จบของไทยมักเริ่มเรื่องด้วยการปูพื้นเรื่องให้น่าสนใจจนผู้ฟังติดตามฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแล้ว พอถึงตอนหนึ่งก็จะหยุดเล่าผู้ฟังคาดว่าน่าจะมีอะไรน่าสนใจต่อไปก็จะคะยั้นคะยอให้เล่า ผู้เล่าก็จะเล่าออกมาทีละประโยค โดยเปลี่ยนจำนวนเลขเท่านั้นจึงทำให้สามารถเล่าไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่รู้จบอย่างไรก็ตาม นิทานประเภทนี้นับว่ามีประโยชน์ในด้านการสอนการนับจำนวนให้แก่เด็กเล็ก ตัวอย่างจากบ้านในจังหวัดชลบุรี เล่าว่า "ก็เริ่มเรื่องว่า เจ้าสิงโตนี้เป็นสัตว์ป่าที่มีอำนาจมากทีนี้มันอยากฟังนิทานที่ไม่รู้จักจบ ถ้าใครเล่าแล้วจบมันจะทำร้ายหรือกัดตายทันทีสัตว์ก็ถูกมันทำร้ายอยู่เรื่อย ๆ เพราะเล่าแล้วก็จบทุกที สิงโตก็ท่องเที่ยวไปเพื่อหาสัตว์ให้เล่านิทานไม่รู้จักจบนี้ไปทั่วทั้งป่าก็ไม่มีใครสามารถเล่าได้ วันหนึ่งก็ไปพบสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์สุนัขจิ้งจอกก็บอกว่าสามารถจะเล่านิทานที่ไม่รู้จักจบได้สิงโตจึงถามว่า "เจ้านี่จะเล่าได้แน่หรือ" สุนัขจิ้งจอกบอกว่า "ได้ซิทำไมจะไม่ได้ กะอีสมบัตินิทานไม่รู้จักจบ" สุนัขจิ้งจอกก็เริ่มเล่าว่า
"กาลครั้งหนึ่งมีชาวประมงคนหนึ่งแกหากินทางทอดแหมานานหลายปีแล้วก็ทอดได้มั่งไม่ได้มั่งใช้เลี้ยงครอบครัวตลอดมา วันหนึ่งเขาไปทอดแหที่ชายคลองแห่งหนึ่งเมื่อเหวี่ยงแหลงไปปลาติดเป็นจำนวนมากมายก็ดึงแหขึ้นมาในขณะที่ดึงเอาแหขึ้นมาแหก็ขาดไปรูหนึ่งพอแหขาดรูหนึ่งปลาตัวหนึ่งมันก็ลอดไป" เล่าแล้วก็หยุดเสีย สุนัขจิ้งจอกมันก็หยุดเฉยเสียสิงโตก็ถามว่า "แล้วยังไงวะ" สุนัขจิ้งจอกก็บอกว่าปลาตัวที่สองมันก็หลุดออกไปแล้วมันก็หยุดเสียอีก พอถามทีไรมันก็บอกว่าปลาตัวที่สามก็หลุดไปตัวที่สี่ก็หลุดไปเรื่อยๆ ยังงี้ไม่รู้จบ"
นิทานลูกโซ่คือนิทานที่เรื่องดำเนินไปเพราะตัวละครซึ่งมีอยู่หลายตัวมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกันเป็นทอด ๆ เหมือนลูกโซ่ นิทานลูกโซ่ของไทยที่รู้จักกันดีคือเรื่องยายกับตา ยายกะตาปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้าหลานไม่เฝ้ากามากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนานยายมายายด่าตามาตาตี หลานร้องไห้ไปหานายพรานขอให้ช่วยยิงกากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน นายพรานตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาหนูขอให้ช่วยกัดสายธนูนายพรานหนูตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาแมวขอให้แมวช่วยกัดหนูแมวตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาหมาขอให้หมาช่วยกัดแมวหมาตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาไม้ค้อนให้ย้อนหัวหมาค้อนตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาไฟให้ช่วยไหม้ไม้ค้อนไฟตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาน้ำให้ช่วยดับไฟน้ำตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาตลิ่งให้พังทับน้ำตลิ่งตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาช้างให้ช่วยถล่มตลิ่งช้างตอบว่า "ไม่ใช่ธุระอะไรของข้า" หลานจึงไปหาแมลงหวี่ให้ช่วยตอมตาช้างแมลงหวี่ตอบว่า "ข้าจะช่วยตอมตาช้าง ให้ตาเน่าทั้งสองข้าง" ช้างตกใจจึงรีบจะไปช่วยถล่มตลิ่ง ตลิ่งจึงรับจะไปช่วยพังทับน้ำ น้ำจึงรับจะไปช่วยดับไฟ ไฟจึงรับจะไปไหม้ค้อน ค้อนจึงรับจะไปย้อนหัวหมา หมาจึงรับจะไปกัดแมว แมวจึงรับจะไปกัดหนู หนูจึงรับจะไปกัดสายธนูของนายพราน นายพรานจึงรับจะไปช่วยยิงกา กาจึงเอาถั่วเอางาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนานมาคืนหลานจึงเอาถั่วเอางาไปให้แก่ยายกะตา ยายกะตาก็เลิกตีหลานตั้งแต่นั้นมา