ชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยที่คุณก็อยากรู้
สมาชิกเลขที่13279 | 06 ธ.ค. 60
1.8K views

สวัสดีพี่ๆน้องๆ ชาวทรูปลูกปัญญาทุกคนนค่ะ

   หลังจากห่างหายกันไป 2 ปี ย่างก้าวสู่ปีที่ 3 แล้วนะค่ะ คิดถึงจะเลย วันนี้ก็มีเรื่องที่จะมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังเกี่ยวกับชีวิตเด็กมหาวิทยาลัย เอ้!! มันเป็นอย่างไรก็บ้างนะอยากรู้ใช้ไหม งั้นมาฟังอ้นเล่ากันดีกว่า ... อ้นอยากจะบอกกับทุกคนก่อน ที่อ้นจะสอบเป็นเภสัช ความฝันถูกระงับโดยถาวร เกิดตัวของอ้นเอง ด้วยเหตุผลบางอย่างที่พึ่งค้นพบตัวเองหลังเรียนชั้น ม. 4 เทอม 2 ปี 2555 ชอบคอมพิวเตอร์มาก ชอบการตัดต่อวิดีโอ ชอบทำเกม ชอบทำการ์ตูน พอเรียนจบ ม.6 อ้นสอบแค่ที่เดียวแล้วก็ติด นั่นคือ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เอกวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (ภาควิชาครุศาสตร์ไฟฟ้า) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  ....ชื่อจะยาวหน่อยๆ บางคนคง(งง)ว่าเรียนอะไร ทำไมถึงมีคำว่า วิศวกรรม สรุปง่ายให้ฟังคือ "เรียนครูจ๊ะ" แต่เป็นครูเกี่ยวกับช่างอุตสาหกรรม ถ้าสอนก็คงจะเป็นอาชีวศึกษา เช่น เทคนิค วิทยาลัยพาณิช วิทยาลัยการอาชีพ เป็นต้น แต่ความพิเศษของสาขาเอกที่อ้นเรียน อ้นสามารถสอนสายสามัญได้ (ม.4-ม.6) หรือในอนาคต ถ้าไม่อยากเป็นครูก็สามารถไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมได้ มาเข้าเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยก่อน ถ้ามาใหม่ๆ ช่วงปี 1 ต้องปรับตัว ต้องอ่านหนังสือให้มาก วิชาส่วนใหญ่เราไม่เหมือนตอนเรียนมัธยมปลาย วิชาส่วนใหญ่เน้นไปทางช่างหรือการปฏิบัติมากกว่า ส่วนความยากง่ายของการเรียนก็ต้องดูว่าพื้นฐานที่เราเรียนมาดีขนาดไหน วิชาที่จะวัดง่ายๆเลย ก็คือวิชาภาษาอังกฤษ อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ก็ต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ หนังสือที่เรียนส่วนใหญ่จะเป็นตำราจากต่างประเทศ เราจะเรียกว่า "Text" เรียนไป ใจต้องนิ่ง แค่ตำราแค่นี้ไหวอยู่แล้ว ช่วงเทอมแรกของ ปี 1 จะเป็นช่วงวัดดวงกับความสามารถ เพราะว่าบางส่วนมาเรียนแล้วไม่ชอบ บางส่วนมาเรียนเพราะสอบติด ก็เกิดการซิว การรีทาย เป็นปกติอยู่แล้ว เพื่อนก็สำคัญคบเพื่อนที่เรียนเก่ง เราก็จะเรียนเก่ง จะ Active โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าคบเพื่อนที่ชอบเที่ยวก็คงตามนั้น อันนี้อ้นจะไม่พูดถึงเรื่องนี้มาก จงจำไว้ว่า การเรียนมหาวิยยาลัยต้องพึ่งตัวเองไว้ก่อน เวลามีปัญหาอะไรอย่าระบายใส่คนที่เราพึ่งรู้จัก เพราะเรายังไม่รู้จักนิสัยของคนนั้นดี ถ้ามีปัญหาหรือเครียดมากๆ อ้นจะแนะนำว่า คุยกับคุณพ่อคุณแม่ปรึกษาท่าน ไปวัดนั่งสมาธิให้จิตใจสงบ ไปร้องคาราโอเกะ หรือจะไปเที่ยวทะเลเพื่อผ่อนคลาย ....อะไรที่เราทำแล้วสบายใจก็ทำไปค่ะ  กฎเหล็กของอ้นมีแค่ (3 อ ) 1.อด (อดทน) 2. เอา 3.อิ (อิ สามารถเปลี่ยนเป็นชื่อของเราแทนก็ได้นะ) = อดเอาอิ

       ชีวิต ปี 2 ปี 3 ปี 4 อ้นว่าชีวิตปี 1 สบายที่สุดแล้ว ยิ่งเรียนสูงเท่าไหร่ก็จะเหนื่อยเท่านั้น ต้องอาศัยความขยันในตัวเอง การเรียนปี 2 จะเป็นช่วงปีที่หมดวิชาพื้นฐาน และปี 3 จะก้าวสู่วิชาชีพ ปี 4 จะเป็นการปฏิบัติงาน (โครตเหนื่อยเลย) เหลืออีกปี คือ ปี 5 ยังไม่ถึง แต่ให้คิดอนาคตไว้เลย อยากเป็นอะไร อยากประกอบอาชีพอะไร ....สำหรับอ้นขออุ๊บไว้ก่อนนะค่ะ ปัญหาหลักของการใช้ชีวิตมหาวิทยาลัย คือ การเที่ยวกลางคืน ติดเพื่อน ใช้จ่ายเงินเยอะ วิธีแก้ก็คือ พยายามห้ามใจไม่ให้เที่ยวกลางคืนเพราะมันอันตราย ถ้าคุณมีลูกผู้หญิงถ้าเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครรู้ คนเป็นพ่อเป็นได้แค่ส่งเงินมาให้ใช้ ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวเรา ไม่เที่ยวก็มีเงินเก็บ การติดเพื่อนก็ควรเช็คดูด้วยว่าเพื่อนคนนั้นคนนี้ประสงค์ร้ายกับเราไหม ถ้าเขาคิดไม่ดีเราจะรู้โดยสัญชาตญาณ อันนี้ตัวของอ้นเองเป็นบ่อยมาก ใช้สติใช้ความคิดให้มาก ถ้าไม่ดีก็ถอยชีวิตของเรามีค่ามากกว่านั้นเยอะ ส่วนเรื่องเงินแน่นอนว่า อยู่มหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายเยอะเป็นเรื่องปกติ ต้องจ่ายค่าเทอม ค่ากิน ค่ารายงาน/งานกลุ่ม ค่าโทรศัพท์ ค่าหอพัก ค่าซื้อของเข้าหอแต่ละเดือน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ  และที่สำคัญที่ต้องจ่ายคือ ค่าภาควิชาที่จะนำเงินไปใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น รับน้องภาควิชา ค่าพานไหว้ครู ค่าเกมส์กีฬา และค่าบายเนียร์ เป็นต้น รายจ่ายแต่ละอย่างเจ็บหนักค่ะ สิ่งที่ช่วยอ้นรอดมาจดทุกวันนี้ คือ หางานทำ(สุจริต) และขอทุนการศึกษา(ต้องทำเกรดเยอะๆ) อ้นเชื่อหลายคนคงเคยตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน ขอแค่อย่างเดียว "อดทน" เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราเป็นปัญญาชนแล้วใช้สมองคิดให้เยอะๆ มากกว่าการตัดสินปัญหาด้วยกำลัง การใช้กำลังมักจะจบไม่สวย..... สิ่งที่ดีก็ทำ สิ่งไม้ดีก็ลด/ละ/เลิก ผลดีทุกอย่างจะตกอยู่ที่ตัวเราเสมอ คิดดีทำดี และพูดดี 

        สิ่งที่อ้นพูดมานั้นเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ยกมาทั้งหมด ถ้าเล่าไปมันจะเยอะยาวยืดไม่จบสักที แต่ขอให้รู้ไว้ว่าชีวิตมหาวิทยาลัยก็แบบนี้ อยู่ให้เป็น อดทนให้ ถ้าเราผ่านมามันมาได้ เราก็ก้าวสู่ความสำเร็จอีกก้าวหนึ่ง คิดบวกค่ะ

       ++ปล.ถ้าเพื่อนๆพี่ๆคนไหนอยากจะเสริมเรื่องชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นแบบไหน ก็  comment ด้านล่างเลยค่ะ ++

 

                                                     ขอบคุณทุกท่านสำหรับการอ่านบทความนี้

                                                                    Dekbannok

                                                                      6/12/60

 

 

 

      

 

 

         

 

 

 

 

 

 

 

Share this