สอบเสร็จแล้ววววว เย้! หรือ แย่! ทำได้ หรือ ได้ทำ คำถามเหล่านี้ ใครถามใส่เรา ให้เชิดเข้าใส่ แล้วก็บอกไปเลยว่า “ถึงเวลา Move on แล้วจ้ะ” ไม่ใช่คนยึดติดกับอดีต และพร้อมจะขีดอนาคต ด้วยปัจจุบันเท่านั้นค่า วันนี้พี่นัทจึงมีเทคนิคในการ Move on มาฝากน้อง ๆ ถ้าพร้อมแล้วไป...มูฟฟฟฟฟ!
พอแล้วจ้า จอบอ...Good bye นะอดีต และ Hello อนาคต อะไรที่มันแล้วไปแล้วก็ปล่อยให้มันแล้วไป เตรียมตัว รีเซทจิตใจ จัดร่างกายให้พร้อมกับอนาคตที่กำลังจะมากลายเป็นปัจจุบันของเรา ไม่ว่าอะไรที่เคยเกิดขึ้น สิ่งต่าง ๆ ที่เคยผิดพลาดหรือเฟลขั้นสุด ก็คือพอก่อน! เพราะถ้าหากน้อง ๆ ยังกำความผิดพลาดจากบาดแผลในอดีตไว้แน่น แล้วจะเอามือที่ไหนไปคว้าอนาคตล่ะจ๊ะ เพราะฉะนั้นพร้อมค่ะ ก้าวต่อไป โดยให้นึกไว้เสมอว่า ทุกวันที่ตื่นขึ้นมา นั่นคือวันแรกของชีวิตที่เหลืออยู่ ใช้ซะ! แบบที่ไม่ต้องย้อนมาพูดคำว่า “ถ้ารู้อย่างนี้...”
สิ่งที่เป็นการ Move on ที่ดีที่สุดจากการสอบคือ การเตรียมตัวขับเคลื่อนความฝัน โดยเป้าหมายหลักของการสอบคือ การนำคะแนนไปใช้ใน TCAS รอบ 3 ซึ่งปีนี้มีจุดเปลี่ยนสำคัญคือ การรวมรอบการสมัครในรอบที่ 3 Admission 1 (รับตรงร่วมกัน) กับ Admission 2 (รับกลางร่วมกัน) ให้เป็นรอบเดียวกัน เลือกสาขาได้สูงสุดถึง 10 อันดับ และที่พีคในพีคคือ มีการ Double Sorting (ประมวลผล 2 ครั้ง) ทำให้น้อง ๆ ได้สิทธิ์เต็มเปี่ยม ได้โอกาสเต็มที่ ต่อให้คะแนนจะหน้าตาอย่างไร หล่อ สวย หรือขี้เหร่ แต่เรา ไม่ควรหยุดเดินตามหาความฝัน อย่ารอให้โลกเหวี่ยงความฝันมาหาเรา แต่เราควรใช้แรงเหวี่ยงของโลก ตามหามันให้เจอ แล้วก็เลือกซะ! จัดอันดับทั้ง 10 ให้ได้ โฟกัสไปที่สาขาที่ “ชอบด้วยใจ” หรืออาจจะ “ใช่ด้วยคะแนน” ก็ว่ากันไป
ไปค่ะ...เก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทาง ใครว่าการเที่ยวไม่สำคัญ หึม! ใช่เหรอ? จริง ๆ แล้วการเที่ยวควรจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยล่ะ เพราะทำให้ได้ค้นหาตัวตนและยังสร้างแรงบันดาลใจ ตื่นตาตื่นใจกับการได้พบเจออะไรใหม่ ๆ รายทาง ได้กอดคอเพื่อนซี้เที่ยวทะเล ฮาเฮภูเขา แค้มปิ้งหมูกระทะปะทะเสียงน้ำตก เรื่องฟิน ๆ แบบนี้จะพลาดได้อย่างไร ฉะนั้นต้องจัด สลัดความเครียด ความทุกข์ ความกังวลทิ้งไป ชาร์ตแบตแล้วกลับมาเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเติบโตและก้าวไปเป็นน้องใหม่ ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้สนุก และเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ รถไม่ใช่แค่เติมน้ำมัน แต่ยังต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง คนเราก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่กินข้าวให้มันโต แต่ก็ต้องการพลังขับเคลื่อนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
ประสบการณ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตทั้งที่ดีและไม่ดี บางคนเสียโอกาสที่ดีในชีวิตไปเพียงเพราะคิดแต่ “จะทำดีหรือไม่ทำดี” “จะคุ้มหรือไม่คุ้มนะ” ยิ่งคิดยิ่งเปลืองเวลา ซึ่งคำนี้น้อง ๆ ขีดเส้นใต้ไว้เลยนะคะ ว่า “เวลา” คือสิ่งที่ไม่ต้องใช้ มันก็หมดไปด้วยตัวของมันเองอยู่ดี ไม่คิดว่าจะทำอะไรเพื่อฆ่าเวลา เพราะจริง ๆ แล้วเวลามันฆ่าตัวเองตลอดเวลา ดังนั้นอย่าคิดมาก อยากทำอะไรที่ดี ที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ทำซะ! การ Move on จากสิ่งหนึ่ง ก็คือการได้ทำอีกสิ่งหนึ่ง อย่างมุ่งมั่นและตั้งใจเหมือน ๆ กัน เชื่อเถอะว่า การเจ็บจากการทำข้อสอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างบาดแผลที่ฝังลึกให้น้อง ๆ แน่นอน การฝึก Move ให้เป็น คือสิ่งที่ทำให้เราพร้อมที่จะเดินต่อ และกิจกรรมจะเป็นยารักษาความเจ็บนิด ๆ นี้ได้ดี
Next Step ของการทำกิจกรรม คือการพัฒนาไปถึงจุดที่เรียกว่า ทักษะ (skill) หมายถึง ชำนาญ ซึ่งสามารถสร้างได้จากการเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญ เช่น ทักษะทางด้านกีฬา ศิลปะ ภาษา แต่ทักษะหนึ่งที่สำคัญมาก แต่เราไม่ค่อยได้ฝึกฝนหรือพัฒนา นั่นคือทักษะชีวิต (Life Skill) ซึ่งการสอบที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นตัวตัดสินเลยว่า คนได้คะแนนสูงจะมีทักษะชีวิตมากกว่าคนที่ได้คะแนนน้อย จังหวะนี้จึงเหมาะที่สุด ที่จะเตรียมความพร้อมเพื่อใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกคณะ สาขา จึงควรเติมทักษะและสมรรถนะให้ตัวเอง โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ซึ่งไม่ใช่แค่ทักษะที่เป็นทางเลือก แต่คือสิ่งที่เป็นทางรอด ในการใช้ชีวิตและเติบโตในโลกยุคนี้นั่นเอง
โลกใบใหญ่ใบนี้หมุนรอบตัวเองตลอดเวลา ถ้าเราไม่เดินไปข้างหน้า เพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ ก็เท่ากับเดินถอยหลังแล้ว เทรนด์โลกไม่ได้เปลี่ยนทุก 5 ปี 10 ปีแล้วนะคะน้อง ๆ แต่กำลังเปลี่ยนแปลงแบบนาทีต่อนาที ทุกอย่างสามารถ in และ out ได้ตลอดเวลา การใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ เรียนแบบเดิม ๆ คิดแบบเดิม ๆ ไม่ใช่เทรนด์ของโลก Gen นี้แล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรใช้ชีวิตแบบยึดติด แต่ก็ไม่ควรปล่อยผ่าน เราควรเปิดตาเปิดใจรับรู้ และศึกษาก่อนที่จะดึงหรือดันอะไรที่จะเข้ามาในชีวิต รอยต่อระหว่างรอคะแนน จึงเป็นเวลากำลังสวยที่จะศึกษาเรื่องเหล่านี้ พร้อม ๆ กับตั้ง Mind Set ใหม่ว่า ว่าที่นิสิตนักศึกษาอย่างเรา ต้องพร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะในอนาคตความรู้ใหม่ ๆ จะวิ่งชนกันบนแกนโลกดิจิทัล เทรนด์จะไม่ใช่เรื่องของแฟชัน กระแส หรือรสนิยมแล้ว แต่เทรนด์จะกลายเป็นกลไกตลาด เป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ สังคม และไลฟ์สไตล์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นศึกษาซะ จะได้ไม่ตกเทรนด์!
ช่วงสอบน้อง ๆ แอบสังเกตตัวเองมั้ยว่า เราพังขนาดไหน สิวเขรอะ หน้าหมอง ท้องย้อย เพราะช่วงเวลานั้นต้องใช้พลังงานในชีวิตสูงสุด ทั้งความเครียด กดดัน วิตกกังวล ตื่นเต้น นอนน้อย กินหนัก หมดเวลาค่ะ เริ่มต้นใหม่ เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย เป็นผู้ชายอย่าหายหล่อ หรืออยากเป็นเพศไหน จัดไปตามหัวใจเรียกหา หลังสอบแบบนี้หันมาส่องสภาพก่อน ใช้ 108 วิธีกลับมาโป๊ะปังทางสุขภาพ สร้างหุ่นสวย ด้วยสุขภาพที่ดี หลังจากศึกหนักผ่านไป มา Move on ไปสู่การฟื้นร่าง ทั้งด้านอาหาร การออกกำลัง เล่นกีฬา เข้าฟิตเนส กิน นอน ตามเวลาบ้าง (เวลาตามนาฬิกาชีวิตนะคะ ไม่ใช่เวลาตามใจตัวเอง) หรือหันมาเล่นบ้างอะไรบ้าง ให้รางวัลชีวิตกันหน่อย เราใช้เขามาหนักก็ต้องผ่อนกันบ้าง ไม่ว่ากัน
เรื่องหัวใจอาจต้องหาวิธีอย่างไร ไม่ให้ Move on เป็นวงกลม คือ มูฟไปข้างหน้าแค่ไหน สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิม แต่ถ้าเรื่องการเรียน บอกเลยว่า น้อง ๆ เตรียมตัวไว้ได้เลยค่ะ เพราะต้อง Move on เป็นวงกลมแน่นอน!! เพราะการสอบไม่ได้มีแค่ O-Net GAT PAT วิชาสามัญ หรือ วิชาเฉพาะ แต่การสอบจะเป็นสิ่งที่ตามติดชีวิตนิสิตนักศึกษาไปอีกจนถึงปริญญาเอก ไม่ต้อง Move ไปไหนให้ไกลนัก เพราะถึงอย่างไร การศึกษากับการสอบยังเป็นของคู่กัน
ดังนั้นการ Move on จึงหมายถึงการเดินจากความกังวล ความทุกข์ ความเครียด แล้วออกไปหาความท้าทาย และเตรียมภูมิคุ้มกันไว้ เพื่อที่จะวนกลับมาใช้ชีวิตกับการสอบในโอกาสต่อ ๆ ไป เพราะถ้าภูมิน้องแข็งแรงแล้ว จะสอบอะไร ในรูปแบบไหน เราจะอยู่กับมันได้ และ Move on จากมันเป็น!
พี่นัท ทรูปลูกปัญญา