Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา
Education > TCAS > บทความ
เทคนิคการบริหารเวลา เรียน เล่น ก็สำเร็จได้

  Favorite

          “เมื่อทุกคนมีเวลาจำกัดคนละ 24 ชั่วโมง” การบริหารเวลา เป็นทักษะสำคัญที่ช่วยเป็นกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จ ทั้งเรื่องเรียน การใช้ชีวิต การทำกิจกรรม การเล่น ไปจนถึงเรื่องระดับผู้ใหญ่คือการทำงานและการมีครอบครัว เห็นมั้ยว่า ถ้าฝึกตั้งแต่วันนี้ เราสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ตลอดชีวิต ทำให้เราประสบความสำเร็จ ทั้งในชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงานในอนาคต

          เอ! แล้วการบริหารเวลา มันคืออะไรน้า เด็ก ม.ต้นอย่างเราจะสามารถทำได้เหรอ พวกเรายังเด็ก ยังรักสนุก แถมอยากมีเวลาเยอะ ๆ เอาไว้เล่นกับเพื่อน หรือเล่นเกม ใครคิดแบบนี้ อยากบอกให้สบายใจได้เลยว่า น้อง ๆ ทำได้ทุกคน และแถมถ้าทำสำเร็จ น้องจะสามารถจัดสรรเวลาเล่นเกมได้อย่างสบายใจ โดยไม่ถูกคุณพ่อคุณแม่ดุด้วย ลองมาดูกันมันทำได้อย่างไร

          การบริหารเวลา คือการรู้จักแบ่งเวลาให้ได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมีเทคนิคในการบริหารดังนี้

 

1. อรุณสวัสดิ์โอกาสชีวิต

          ข้อนี้ทำได้ง่าย ๆ ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า เพียงแค่ลืมตามาเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีเป้าหมาย และขอบคุณเวลาที่ยังให้โอกาสเราตื่นมาทำสิ่งดี ๆ ยิ่งตื่นเช้าเท่าไหร่ น้อง ๆ จะยิ่งมีเวลาในชีวิตมากขึ้น และมีเวลามากขึ้น เราก็ทำอะไร ๆ ได้มากขึ้น เช่น การออกกำลังกายสักหน่อย เล่นเกมสักนิด ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่บ้าง อ่านหนังสือเรียน หนังสือนอกเวลา และที่สำคัญยังมีเวลาวางแผนจัดสรรกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

 

2. จัดทำ Schedule ตารางชีวิตพิชิตฝัน

          Schedule คือการออกแบบวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องทำเพื่อทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น จะสอบให้ได้เกรดดีขึ้นต้องทำอย่างไร จะสอบให้ติด ม.ปลาย รร.ที่เราฝันต้องทำอย่างไร อยากสอบแข่งขันหรือทำกิจกรรมนี้ให้สำเร็จ ต้องทำอะไรบ้าง ทำให้น้อง ๆ มองเห็นภาพกว้างของการใช้เวลาในหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งเดือน คำว่าเวลาไม่พอ จริง ๆ อาจจะหมายความว่า เราใช้เวลาไม่เป็นก็ได้ เพราะจริง ๆ ต้องพอ! เพราะการมีตารางชีวิตทำให้เราเลือกตัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน เพื่อใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นกับกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นมากกว่า

 

3. To-Do List ต้องมี ต้องทำ

          To-Do List คือสิ่งที่ต้องทำรายวัน เป็นภาคต่อจากการทำแผน Schedule เมื่อวางแผนภาพใหญ่แล้ว ทีนี้ก็ต้องลงรายละเอียดสิ่งที่จะทำในแต่ละวัน เป็นการเขียนสิ่งที่จะทำให้แผนตามตารางชีวิตของเราสำเร็จสมกับเป้าหมายที่วางไว้ อันไหนทำแล้วก็ติ๊กให้คะแนนตัวเองด้วยนะคะ อันไหนไม่ได้ทำ ก็ต้องชดเชย ไม่ใช่ละเลย วันต่อไปต้องพยายามเก็บแต้มจาก To-Do List คือสร้างวินัยควบคุมตัวเองให้ทำได้ตามที่ตั้งใจไว้ เป็นการฝึกให้ตัวเองคุ้นเคยกับความสำเร็จแบบง่าย ๆ เชื่อมั้ยจริง ๆ ไม่ง่ายเลย ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังทำไม่ได้ แต่จะดีกว่ามั้ย ถ้าเด็กอย่างน้อง ๆ ทำได้ ด้วยเพราะเรามีพลังบริสุทธิ์มีความฝันที่ยังไม่มีภาระชีวิตเข้ามารบกวนเวลาของเรามาก ดังนั้นเวลาของเราจึงมีมากกว่าผู้ใหญ่ ที่ถูกบังคับด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น แต่สำหรับน้อง ๆ ในวัย ม.ต้น ส่วนใหญ่เราจะรับผิดชอบหลักก็แค่ชีวิตส่วนตัวของเรา ดังนั้น เรายิ่งต้องเร่งฝึกวินัยเพื่อควบคุมกิจกรรมของเราให้ได้ เพื่อที่ต่อไปภายหน้า ถ้ามีสิ่งอื่น ๆ มารบกวนเวลาของเรามากขึ้น เราจะสามารถจัดการกับมันได้อย่างดี

 

4. อะไรเอ่ยควรมาก่อน รู้จักการเรียงลำดับความสำคัญ

          การฝึกทักษะและความสามารถในการเรียงลำดับความสำคัญของกิจกรรมต่าง ๆ มีผลอย่างมากต่อความสำเร็จในการบริหารเวลา เช่น ในบางกิจกรรมเราอาจต้องเลือกทำสิ่งที่ยากที่สุดก่อน เพราะมันใช้พลังมากสุด เช่น อ่านหนังสือวิชานี้ให้จบเพื่อเตรียมสอบ ต้องใช้เวลา ต้องใช้สมาธิมาก ก็เรียงจัดไว้ก่อน หรืออาจจะเลือกใช้เวลาไปกับกิจกรรมที่เร่งด่วนกว่า เช่น รายงานหรือการบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้ ต้องทำให้เสร็จก่อนทำอย่างอื่น ดังนั้นการเรียงลำดับความสำคัญ จึงไม่ใช่เรียงตามแค่ความยาก - ง่าย ความก่อน – หลัง หรือ ความอยากทำ - ไม่อยากทำ แต่หมายถึงการบริหารการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพในเวลาที่จำกัดต่างหาก

 

5. ทำให้เสร็จทีละอย่าง

          เชื่อว่าน้อง ๆ คงเคยได้ยินคำว่า “สมาธิสั้น” การมีใจจดจ่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ในเวลาสั้น ๆ ยังไม่ทันเสร็จก็เปลี่ยนไปทำอีกอย่างแล้ว เริ่มกิจกรรมใหม่ไปเรื่อย ๆ โดยที่กิจกรรมเก่ายังค้างคา เวลาก็ถูกใช้ไปเพื่อการเริ่มต้น แต่ไม่ได้ถูกใช่ไปเพื่อความสำเร็จ ดังนั้นน้อง ๆ ควรฝึกนิสัยใช้เวลาอย่างมีค่าด้วยการทำกิจกรรมที่ตั้งใจให้สำเร็จเป็นอย่าง ๆ ไป นอกจากจะทำให้เราได้เห็นผลงานที่ชัดเจนแล้ว ยังทำให้เราได้ฝึกสมาธิ ฝึกความอดทน และมีวินัยอีกด้วย การทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างพร้อมกันหรือสลับกันไปมา  ทำให้ไม่มีสมาธิพุ่งไปที่กิจกรรมนั้น ทำให้ผลงานออกมาไม่ดีพอหรือไม่เสร็จทันเวลาที่กำหนด

 

6. กำหนดเวลาทำกิจกรรม อย่าเพลิน จนเมินคุณค่าของเวลา

          เวลาเริ่มต้นวางแผนการบริหารเวลา พอน้อง ๆ เลือกได้แล้วว่าจะลงมือทำอะไร ให้ฝึกกำหนดเวลาไว้เลยว่าจะทำสิ่งนี้จนถึงเมื่อไหร่ เช่น จะทำการบ้านให้เสร็จ แต่ไม่ได้กำหนดไว้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ น้องก็อาจจะใช้เวลาไปเรื่อย ๆ ทำบ้างพักบ้าง ทำต่อ ทำพัก ทำวนไปวนมา แต่ถ้าเรากำหนดเวลาไว้ว่า ต้องเสร็จภายในเวลาเท่าไหร่ เราก็จะควบคุมเวลาและกิจกรรมให้สอดคล้องกัน หรือแม้แต่การเล่นเกม เล่นนานแค่ไหนก็ได้ ชอบเสียอย่าง สนุกสุด ๆ ไปเลย แต่ถ้าทำแบบนั้น น้องอาจเสี่ยงเป็นโรคติดเกม ทำให้เสียสุขภาพและเสียโอกาสดี ๆ เพราะตกลงไปในหลุมพรางเกม จนหมดเวลาทำกิจกรรมอย่างอื่น ดังนั้นไม่ว่าจะกิจกรรมการเรียนหรือการเล่นควรฝึกทำภายใต้เวลาที่กำหนด จะได้ผลดีกว่าทำไปเรื่อย ๆ

 

7. ห่างกันสักพัก กับเจ้า Social Media

          Social Media เป็นทั้งความสุข เป็นสังคม เป็นความสนุกของน้อง ๆ แต่อีกมุมหนึ่ง เจ้าตัวนี้ถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายที่อาจทำให้เสียเวลาโดยไม่รู้ตัว ความเพลินจะเหมือนกับการหยุดเวลา แล้วเราเดินเข้าไปอีกโลกหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง เวลาไม่เคยหยุดเดิน ในขณะที่น้องเดินเข้าไปในโลก Social โดยไม่รู้ตัวว่าใช้เวลาไปนานแค่ไหน คนอื่น ๆ ในอีกหลายมุมโลกกำลังเดินเข้าไปอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกแห่งการเรียนรู้ โลกกิจกรรม โลกทักษะความสามารถ ผลคือพอเราออกมาสู่โลกความเป็นจริง กลับกลายเป็นคนที่ไม่มีเวลา เพราะไม่สามารถบริหารเวลาให้เป็นไปตามเป้าหมาย  ดังนั้นเราเล่น Social ได้ แต่อย่าให้ Social เล่นงานเรา รักเจ้า Social แค่ไหนก็ต้อง...พักให้เป็นนะคะ

 

          “เวลาไม่ใช่นาฬิกา” เพราะนาฬิกาคือเครื่องมือบอกเวลา แต่ไม่ใช่ตัวเวลาและไม่ใช่เครื่องมือจ่ายเวลาให้เรา การผัดวันประกันพรุ่งแล้วบอกตัวเองว่า...ไว้ก่อน! เดี๋ยวก่อน! เวลายังมี! พรุ่งนี้ก็ได้! คำพูดเหล่านี้ทำลายความสำเร็จและโอกาสดี ๆ ในชีวิตคนมามากมาย และพี่นัทไม่อยากให้น้อง ๆ เป็นอีกคนที่ต้องเสียเวลาไป...เพราะคำเหล่านี้!

 

พี่นัท ทรูปลูกปัญญา

Tags
Posted by
Plook TCAS
ข่าวค่ายและกิจกรรม
ข่าวรับตรงล่าสุด
Follow us