Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา
Education > TCAS > บทความ
หมอล็อต : หนึ่งชีวิตเพื่อล้านชีวิตในผืนป่า

  Favorite
ตอนที่ 1

ตอนที่ 2

ในยามปฏิบัติงาน เขาดูเหมือนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เชี่ยวชาญพื้นที่ทุกตารางเมตรในป่า ส่วนนอกเวลาปฏิบัติงาน เขากลับดูคล้ายพนักงานบริษัทที่มีวิถีชีวิตแบบคนเมือง ยากที่จะเดาได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นสัตวแพทย์สัตว์ป่าในถิ่นอาศัยคนเดียวในประเทศไทย เขาคือ น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน หรือ “หมอล็อต” สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อภารกิจในการช่วยชีวิตสัตว์ป่า และยังเป็นกำลังสำคัญในการปลูกจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าให้กับเด็กรุ่นใหม่

ทราบมาว่าการตัดสินใจเลือกเรียนสัตวแพทย์เป็นการพิสูจน์ตัวเอง
ตอนมัธยมผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนแต่ชอบเล่นกีฬามากกว่า เราเห็นรุ่นพี่ที่เล่นกีฬาสอบติดวิศวะติดหมอแล้วต้องเลิกเล่นบาส เลยเป็นคำถามว่าจริงหรือเปล่าที่การเรียนในคณะยากๆ จะเล่นกีฬาไปด้วยไม่ได้ เราจะแบ่งเวลาไม่ได้เลยเหรอ ตอนนั้นการเอ็นทรานซ์เป็นการสอบล้วนๆ ไม่มีเกรดมาเกี่ยวข้อง วัดกันทีเดียว ก็เลยคิดว่าจะลองอ่านหนังสือสักตั้ง จนสอบติดคณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เทคโนโลยีมหานคร

นักศึกษาสัตวแพทย์ต้องมีความรักสัตว์เป็นพื้นฐานไหมคะ
ส่วนใหญ่มี ยกเว้นผม เพราะผมไม่ได้เลือกเรียนเพราะผมรักสัตว์ ที่เลือกสัตวแพทย์เพราะว่าอยากช่วย สัตว์มันพูดไม่ได้ รักษาคนเจ็บนู่นเจ็บนี่ยังบอกหมอได้ ตอนแรกแค่คิดว่าอยากจะเรียนให้จบและเล่นกีฬาไปด้วย แต่เราเริ่มตั้งใจขึ้นเพราะคิดได้ว่ามันเป็นการเรียนรู้จากชีวิตของผู้เสียสละ การเสียสละชีวิตให้เราเรียนรู้เป็นสิ่งที่มีค่ามาก สัตว์เป็นครูของเรา เราต้องตั้งใจเรียนเพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องของเขา

เอาเข้าจริงๆ ยังได้เล่นกีฬาอยู่ไหม
ถ้าแบ่งเวลาให้เป็น เรายังได้เล่นกีฬาอยู่ ได้ทำกิจกรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์ที่มหานครมีกิจกรรมเพื่อชุมชนมากมาย ทำให้นักศึกษารู้ว่าวิชาชีพสัตวแพทย์เป็นงานบริการสังคม ทำให้เราไม่เห็นแก่ตัว ผมมองว่าคนเราถ้าสังคมดีตัวเราก็ดี ถ้าสังคมแย่ตัวเราก็แย่ เพราะฉะนั้นเราควรให้ประโยชน์อะไรกับสังคมได้บ้าง การจะทำหน้าที่ในสังคมอาจไม่ต้องทำในสิ่งที่เราชอบเสมอไป แต่ทำในสิงที่เราเหมาะสม ดังนั้นการเป็นสัตวแพทย์สัตว์ป่าเป็นสิ่งที่ตัวผมให้ประโยชน์ได้มากกว่าที่จะเป็นหมอหรือไปเป็นอย่างอื่น

ทำไมหมอล็อตถึงเลือกเป็นสัตวแพทย์สัตว์ป่าคะ
หมอคนที่ถือว่าขาดแคลนแล้ว แต่อัตราส่วนระหว่างสัตว์กับสัตวแพทย์ยิ่งแย่กว่า เวลานี้สัตวแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นปศุสัตว์กับสัตว์เลี้ยงแต่สัตว์ป่ายังไม่มี ผมเป็นคนสุรินทร์ เห็นช้างมาตั้งแต่เด็ก ทุกปีผมจะกลับไปฝึกงานที่ปางช้างที่บ้าน ทำให้เรามีพื้นฐานเรื่องการรักษาช้าง พอมาดูจากบุคลิกรูปร่างแล้วเราน่าจะมีความอดทนต่อสภาพการทำงานในพื้นที่ป่า เพราะเราเป็นนักกีฬา ก็เลยตัดสินใจว่าจะเป็นหมอรักษาสัตว์ป่า พอจบมางานแรกที่ทำคืองานรักษาช้างที่กรมปศุสัตว์ โดยเริ่มต้นที่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์

ยังจำเคสแรกของการเป็นสัตวแพทย์ได้หรือเปล่า
เป็นลูกช้างป่า ขาหลังซ้ายบวม ไม่รู้ไปโดนอะไรมา ตามฝูงไม่ทันเลยโผล่ให้คนเห็น เราก็ไปดูอาการ ประเมินว่าโอกาสรอดน้อยมาก เพราะมีบาดแผลใหญ่ที่ขาทำให้เล็บลากไปกับพื้น โอกาสที่จะติดเชื้อก็เป็นไปได้ เวลานั้นมีการออกข่าวว่ามีสัตวแพทย์ตามช่วยเหลือช้างป่า คนในสังคมส่วนหนึ่งแม้กระทั่งสัตวแพทย์ด้วยกันก็มีเสียงสะท้อนว่าสัตวแพทย์ไม่เคยรักษาช้างป่าได้ ไปรักษาทำไมเดี๋ยวก็ตาย ตอนนั้นเป็นแรงกดดันทำให้คิดว่าเราควรจะช่วยหรือไม่ช่วยดี ถ้าเราไม่ช่วยก็ถือว่าไม่เจ็บตัว แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเราจะปล่อยให้ช้างตายเลยเหรอ ถ้าเราไม่ช่วยสังคมก็จะดูถูกสัตวแพทย์ตลอดไปว่าไม่เคยรักษาช้างป่าได้ เวลานั้นก็เปรียบเสมือนนักมวยขึ้นเวทีก็ต้องชก เราคิดแผนให้รอบคอบและหาคำปรึกษาจากพี่ๆ สัตวแพทย์ สุดท้ายก็ติดตามรักษาโรคจนหาย สามารถเปิดมุมมองและทัศนคติของคนในสังคมได้ เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ

ช่วยเล่าถึงหน้าที่รับผิดชอบประจำวันของตัวเองด้วยค่ะ
ผมประจำอยู่ส่วนกลางที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพราะเป็นศูนย์รวมของการติดต่อประสานงาน เวลาไม่มีภารกิจในพื้นที่ก็จะดูงานวิชาการ บรรยาย ประชาสัมพันธ์ แต่เมื่อไหร่ที่มีรายงานความเจ็บป่วยก็จะเดินทางไปทำงาน ซึ่งกำหนดไม่ได้ว่าจะใช้เวลากี่วัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยบาดเจ็บขนาดไหน และการรักษาจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเราตามหาคนไข้ไม่เจอ เพราะว่าสัตว์ป่าบาดเจ็บจะมีสัญชาตญาณการหลบหนีเอาตัวรอด บางครั้งจะเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้การทำงานในป่ามีสภาพอากาศร้อนจัดหนาวจัด เรื่องอาหารที่นอนก็เป็นอุปสรรค แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราทำไม่ได้เลย เราทำงานกันเป็นทีม มีเจ้าหน้าที่อุทยานด้วย สัตวแพทย์เป็นบุคลากรคนหนึ่งในภารกิจการช่วยเหลือสัตว์ป่า เราพึ่งพาอาศัยกัน แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน

การทำงานในป่าที่ว่าลำบากแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องผู้บุกรุกป่าด้วยใช่ไหมคะ
ในฐานะที่เราเป็นเจ้าหน้าที่ เรามี “พระเดช” หรือกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าเราใช้กฎหมายบังคับ ทางออกที่นุ่มนวลจะไม่เกิดขึ้น จะมีการปะทะตลอดเวลา แต่ถ้าเอา “พระคุณ” เข้าไปก็จะเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน อย่างการล่าสัตว์ป่าเพื่อบริโภค เราก็สื่อความหมายเรื่องความเสี่ยงในการบริโภคเนื้อสัตว์ป่าว่าจะเกิดโรคติดต่ออะไรได้บ้าง 75 เปอร์เซ็นต์ของโรคติดต่อหรือโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นก็มาจากสัตว์ป่า เนื้อสัตว์ป่าที่เชื่อกันว่ากินแล้วอร่อย เป็นยาชูกำลัง จริงๆ แล้วไม่ต่างจากเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ การฆ่าสัตว์ป่ายังเป็นการทำบาปด้วย มอบความห่วงใยที่เรามีต่อเขา เราไม่ได้โกรธแต่เป็นห่วงเรื่องคุณภาพชีวิตด้วยซ้ำ ชาวบ้านบางคนก็กลับเนื้อกลับตัว กลับมากินอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อนเพียงพอ ดูแลสุขภาพจิต เท่านี้คุณก็สามารถเป็นอมตะได้แล้ว

เราต้องเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนอาชีพชาวบ้านให้ทำอย่างอื่นที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ต้องโน้มน้าวให้รู้ว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากป่า และต้องให้รู้ด้วยว่าเขาจะได้โทษอะไรจากป่าที่เขาทำลายด้วย ให้เขาเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

สถานการณ์สัตว์ป่าในปัจจุบันเป็นอย่างไร
ตอนนี้สถานการณ์ป่าไม้เรื่องระบบการลาดตระเวนเฝ้าระวังมีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก สถิติสัตว์ป่าถูกล่าในบางพื้นที่เริ่มน้อยลง เพราะมีระบบการทำงานเชิงรับคือมีการล่าก็เข้าไปช่วยเหลือ และระบบการทำงานเชิงรุกคือมีการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ความรู้ เราต้องให้ชุมชนรู้ปัญหาและเอาเขามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติเป็นเรื่องที่ต้องย้ำตลอดเวลา อย่าให้ตกกระแส เพราะเมื่อไหร่ที่เบาลง โอกาสที่คนจะกลับไปทำอีกก็มี

เด็กและเยาวชนจะมีส่วนช่วยในเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่าได้อย่างไร
อาจจะคิดว่าการช่วยเหลือสัตว์ป่าต้องเข้าไปลงมือทำ ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ส่วนน้องๆ สามารถติดตามสถานการณ์สัตว์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติจากสื่อต่างๆ เรียนรู้และเอาไปบอกต่อเพื่อนๆ เท่านี้ก็สามารถช่วยเหลือได้ทันที ไม่จำเป็นต้องยืนถือปืนยิงยาสลบ ที่สำคัญคือกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้บุคลากรที่ทำงานอนุรักษ์ เพราะคนเหล่านี้เป็นตัวแทนของพวกเรา

อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่กำลังเรียนสัตวแพทย์ โดยเฉพาะสัตวแพทย์สัตว์ป่า
สัตวแพทย์ที่ทำงานในป่า ดูแลรักษาสัตว์ป่าในถิ่นอาศัย มีผมคนเดียว แต่สัตวแพทย์ที่ดูแลรักษาสัตว์ป่านอกถิ่นอาศัยหรือตามศูนย์เพาะเลี้ยงมีอยู่หลายคน ก็เป็นโจทย์ที่เราต้องแก้ไขโดยการผลิตน้องสัตวแพทย์ให้มาทำงานในด้านนี้มากๆ เราต้องวางรากฐานเรื่องความปลอดภัย ผู้หญิงก็สามารถทำงานได้ การทำงานในป่าเราเน้นเรื่องการป้องกันมากกว่าการรักษา การจัดการดีปัญหาก็ไม่เกิด เป็นสิ่งที่ผู้หญิงถนัดด้วยซ้ำ

สุดท้าย หมอล็อตมีความฝันที่กำลังเดินทางอยู่ไหมคะ
ผมไม่มีความฝันที่อยากเป็นนั่นเป็นนี่ รู้แต่ว่า ณ เวลานี้ที่เรามีชีวิตอยู่ เราน่าจะทำประโยชน์อะไรให้สังคมได้บ้าง อย่างที่บอกไว้ว่า ถ้าสังคมดีเราก็ดี

Tags
Posted by
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
ข่าวค่ายและกิจกรรม
ข่าวรับตรงล่าสุด
Follow us