หุ่นละครเล็ก
ศิลปวัฒนธรรมไทยนับวันจะค่อย ๆ เลือนหายไปจากสังคมไทยและกลายเป็นเรื่องไกลตัวทั้ง ๆ ที่ศิลปวัฒนธรรมเป็นรากเหง้า ของคนไทยมาแต่ช้านานและถึงแม้ปัจจุบันวัฒนธรรมตระวันตกจะเข้ามามีอิทธิพลทำให้เยาวชนหันไปนิยมจนลืมศิลปวัฒนธรรมไทยกันไปบ้างแต่ยังมีกลุ่มศิลปินที่ยังคงรักศิลปวัฒนธรรมไทยด้วยเล็งเห็นว่าถึงแม้สังคมไทยจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร แต่หากมีผู้ร่วมสืบสานและอนุรักษ์มากขึ้นศิลปวัฒนธรรมไทยไม่ว่าแขนงใดก็ตามจะไม่มีวันเลือนหายไปจากสังคมไทยอย่างแน่นอน
การแสดงหุ่นละครเล็กศิลปะการแสดงหุ่นของไทยประเภทหนึ่ง ที่มีอายุยาวนานมากว่า 100 ปีถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อปี 2444 โดยครูแกร ศัพทวานิช และได้รับการสืบทอดโดยครูสาครยังเขียวสด ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็ก พ.ศ. 2539 ซึ่ง ณปัจจุบันมีผู้ที่สนใจร่วมอนุรักษ์และสืบสานศิลปะแขนงนี้เพิ่มมากขึ้น
การแสดงหุ่นละครเล็กเป็นการแสดงที่ผู้เชิดต้องมีความสามารถเฉพาะทางและมิใช่เรื่องง่ายที่ใครจะสามารถเชิดหุ่น ละครเล็กได้เนื่องจากผู้เชิดต้องมีพื้นฐานโขน ละคร เป็นอย่างดีหลังจากนั้นถึงจะสามารถเริ่มฝึกการเชิดหุ่นละครเล็กได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 1 ปี ถึงจะสามารถถ่ายถอดจิตวิญญาณสู่หุ่นละครเล็กให้มีท่วงท่าที่อ่อนช้อยและงดงามได้ อีกทั้งในการเชิดหุ่นละครเล็ก ต้องใช้ผู้เชิดถึง 3 คนจึงต้องรวมใจของทั้ง 3 ให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อถ่ายทอดไปยังตัวหุ่นละครเล็กให้หุ่นละครเล็กเคลื่อนไหวประดุจมีชีวิตซึ่งยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมที่บรรพบุรุษได้สั่งสมภูมิปัญญาจนเกิดเป็นวัฒนธรรมอันเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกที่สร้างมนต์เสน่ห์ให้กับผู้พบเห็นไม่ว่าจะเป็นชาวไทย หรือชาวต่างชาติ
นางสาวญานี บุญประกอบ ตำแหน่งศิลปินนักแสดงเชิดหุ่นละครเล็กคลองบางหลวง คณะคำนาย ประสบการณ์การเชิดหุ่น 10 ปี และประสบการณ์การแสดงโขนละครที่ทำควบคู่กันมาก็10 ปีเช่นกันค่ะ
พื้นฐานของการเชิดหุ่นละครเล็ก จำเป็นต้องมีทักษะใดบ้าง : พื้นฐานการแสดงหุ่นละครเล็ก จำเป็นต้องอาศัยทักษะการแสดงนาฏศิลป์ประเภทโขนละคร เพราะท่าทางการแสดงของหุ่นละครเล็กจะต้องใช้ท่าทางของโขนละครเป็นหลักในการเคลื่อนไหวร่างกาย ในการแสดงออกทางสีหน้า อารมณ์ และการส่งท่ารำจากตัวผู้เชิดไปสู่หุ่น นอกจากจะดูที่หุ่นแล้วยังต้องดูที่ผู้เชิดด้วย
สถาบันการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเป็นศิลปินเชิดหุ่นละครเล็ก : โดยส่วนใหญ่แล้วนักเชิดหุ่นจะจบการศึกษาทางด้านนาฏศิลป์ไทยจากวิทยาลัยนาฎศิลป์ แต่ก็มีบางคนที่จบจากสถาบันอื่น ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะจบจากสถาบันใดก็จะต้องมีพื้นฐานด้านโขนละครเป็นหลัก
แรงบันดาลใจที่ทำให้เรียนสายนาฏศิลป์ : แรงบันดาลใจของดิฉันคือ เมื่อสมัยตอนเด็กๆ ค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรม และครูก็เล็งเห็นว่ามีความสามารถด้านการแสดงนาฏศิลป์และได้ออกงานแสดงบ่อย ๆ ก็เลยแนะนำว่าน่าจะไปทางสายวิชาชีพที่ตัวเองถนัดและชอบ ก็เลยตัดสินใจเข้าเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ และศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ได้คลุกคลีและผูกพันอยู่กับนาฏศิลป์ไทยมาโดยตลอด
แรงบันดาลใจที่ทำให้มาเป็นผู้เชิดหุ่นละครเล็ก : เริ่มจากต้องการแสวงหาสิ่งที่ท้าทายความสามารถ เพราะเราจบทางนาฏศิลป์โขนละครมา ก็อยากจะได้ทำงานในเส้นทางสายเดียวกันในสายของโขนละคร เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่เรารักและถนัด เพราะหุ่นละครเล็กสามารถเคลื่อนไหวได้แบบเดียวกับคน รำได้อย่างคน ในเมื่อเราสามารถแสดงโขนได้ ก็เลยอยากจะมาแสดงหุ่นละครเล็กดู จากความต้องการท้าทายความสามารถของตนเองก็กลายมาเป็นความผูกพัน ได้เห็นแสน่ห์ของหุ่นละครเล็กที่เคลื่อนไหวได้อย่างมีชีวิต เราก็เลยอยากจะเป็นผู้หนึ่งซึ่งถ่ายทอดชีวิตและจิตวิญญาณให้หุ่นได้เคลื่อนไหวได้เหมือนคนมากที่สุด
ความสัมพันธ์ของหุ่นกับตัวผู้เชิด : ความผูกพันระหว่างผู้เชิดหุ่นกับหุ่น เป็นเสมือนชีวิตประจำวัน ตลอดเช้าจรดเย็น ตั้งแต่แรกเริ่มเชิดหุ่นจนมาถึงการทำงาน เพราะเวลาที่เห็นผู้ชมชื่นชอบ แต่อาจจะคิดว่านี่เป็นเพียงการแสดงธรรมดาๆ แต่สำหรับหุ่นละครเล็กคลองบางหลวง คณะคำนาย เราได้สอดแทรกเรื่องราวชีวิต และจิตวิญญาณ โดยให้หุ่นเป็นตัวถ่ายทอด หากแสดงถึงจิตที่ดี ผู้ชมก็จะได้เห็นถึงสิ่งที่ดี หรือหากหุ่นนั้นกระทำสิ่งที่ไม่ดี หรือมีจิตที่ไม่ดี ผู้ชมก็จะได้ขบคิดและเลือกว่าจะเลือกสิ่งไหน มันคือการสะท้อนสังคมผ่านการแสดง
ทุกวันนี้นอกจากจะทำหน้าที่แสดงหุ่นแล้ว ยังเป็นครูด้วย : ใช่ค่ะ เพราะจุดประสงค์และความมุ่งมั่นของคณะเราคือ ต้องการสืบทอดและอนุรักษ์หุ่นละครเล็กอย่างจริงจัง ให้เข้าถึงผู้ชม หรือกลุ่มคนที่ไม่มีโอกาสได้ดูได้ชมการแสดงหุ่นได้ใกล้ชิดและสัมผัสได้ง่ายขึ้น และสถานที่แสดงของเราก็อยู่ในชุมชน จะมีเด็กๆ และเยาวชนที่มีความสนใจในศิลปะแขนงนี้ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของเราอีกประการหนึ่งที่อยากจะสืบทอด ปลูกฝัง ให้เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ดีๆ ที่ได้เห็น ได้ซึมซับศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ เรามีห้องเรียนให้เด็กได้เข้ามาฝึกซ้อมโขนละคร ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การแสดงหุ่นละครเล็ก และยังมีโครงการสอนเยาวชนย่านบางบัวทอง คือโรงเรียนเตรียมรัตน์ศึกษา เราเข้าไปเป็นวิทยากรสอนพื้นฐานของการแสดงโขนละคร ซึ่งทางผู้อำนวยการก็ให้การสนับสนุนเนื่องจากเห็นความสำคัญตรงนี้ อยากให้เด็กๆ ได้สืบสานศิลปะการแสดงเก่าแก่ ซึ่งนับวันคนที่จะมาสืบทอดตรงนี้นั้นก็มีน้อยลง ซึ่งก็เป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก ซึ่งพวกเราชาวคณะก็เต็มที่และจริงจังอย่างมาก ซึ่งมันก็เป็นเจตนารมย์ที่สำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของเรา
ประวัติความเป็นมาของหุ่นละครเล็กคลองบางหลวงคณะคำนาย : เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มศิลปินที่ยังมีความรักและผูกพันอยู่กับการแสดงหุ่นละครเล็ก หลังจากที่ต้องห่างหายกันไปในช่วงที่สภาพบ้านเมืองของเรามีปัญหา ส่งผลให้กลุ่มศิลปินที่ทำงานด้านนี้กระจัดกระจายหายไป วันนี้พวกเรากลับมารวมตัวกันด้วยความมุ่งมั่นและเจตนารมย์เดียวกันที่จะสืบทอด เริ่มจาก 15 ชีวิต ในการวมกลุ่มกัน เราได้พบกับอาจารย์วัชระ ประยูรคำ ผ่านทางรุ่นพี่คนหนึ่ง ท่านอาจารย์ได้สืบถามถึงความเป็นมาของพวกเรากลุ่มนักแสดงหุ่น และท่านก็เกิดความเสียดายว่าศาสตร์และศิลป์นี้จะหายไป ท่านยังได้ให้คำพูดหนึ่งซึ่งได้สร้างกำลังใจแก่พวกเราอย่างยิ่งคือ “อาชีพอื่นๆ มีแล้ว ทหาร ตำรวจ คุณครู ต่างคนก็ต่างมีอาชีพของตนเอง มีหน้าที่ของตัวเอง แต่อาชีพคนเชิดหุ่นมีน้อยมาก ” ซึ่งเป็นเสมือการจุดไฟให้กับพวกเราอีกครั้งหนึ่ง และเป็นแรงบันดาลใจให้เรากลับมาอีกครั้ง และสำหรับสถานที่จัดแสดงหุ่น และเป็นโรงเรียนเล็กๆ ที่เปิดสอนพื้นฐานการแสดงโขนละคร ก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก ท่านชุมพล อักพันธานนท์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านศิลปินแห่งนี้ ท่านก็เอื้อเฟื้อสถานที่ให้เราได้ใช้ทำการแสดง และเราก็ตั้งชื่อคณะว่า “คณะหุ่นละครเล็กคลองบางหลวง คณะคำนาย” ตามชื่อของสถานที่ตั้งคือคลองบางหลวงแห่งนี้
ความสัมพันธ์ของหุ่นกับชุมชน : ความสัมพันธ์ระหว่างคณะหุ่นของเรากับชุมชนก็เป็นไปด้วยดีมาก เพราะได้อาศัยเกื้อกูลกัน การที่บ้านศิลปิน และคณะหุ่นของเรามาเปิดทำการแสดงที่นี่ก็ทำให้ชุมชนนี้คึกคัก มีอาชีพเสริมรองรับทั้งขายของที่ระลึก และขายอาหาร กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่เราพยายามสงวนไว้ให้เป็นธรรมชาติ ไม่อยากให้เป็นเรื่องของธุรกิจมากเกินไป เพราะชุมชนที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ อยู่อาศัยกันมานาน ไม่ได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นชุมชนธุรกิจท่องเที่ยวเชิงการค้า ชุมชนที่นี่ให้การต้อนรับที่อบอุ่น และเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยว
การตอบรับจากนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ในบรรยากาศของโรงละครหุ่น ที่เปลี่ยนไปจากที่เขาคุ้นเคย : นักท่องเที่ยวมีการตอบรับที่แตกต่างกันไป บ้างก็แปลกใจที่มีบ้านเรือนไม้เก่าแก่ตั้งอยู่ที่นี่ แต่พอได้มาสัมผัสจริงๆ ก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ความเก่าแก่ที่เมื่อได้ก้าวย่างเข้ามาแล้วก็จะรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ ความเป็นกันเองจากที่นี่ ให้ความรู้สึกต่างจากการแสดงหุ่นในโรงละคร สำหรับพวกเราคณะนักแสดงก็รู้สึกว่าขอเพียงให้เรามีพื้นที่ที่จะแสดง ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงละครโรงใหญ่ๆ สถานที่เก่าแก่แห่งนี้เหมาะสมกับการแสดงหุ่นที่เก่าแก่เช่นเดียวกัน ทั้งสถานที่ที่สัมพันธ์กับตัวการแสดง ที่สำคัญคือมีพระเจดีย์อยู่ตรงกลางบ้านด้วย สถานที่แห่งนี้จึงเป็นความลงตัวของทุกอย่าง
แนะนำตัวหุ่นละครเล็ก เทคนิคการเชิด และภาษาท่าทางของหุ่น : หุ่นละครเล็กเป็นหุ่นชนิดเดียวที่ใช้ผู้เชิด 3 คนต่อหุ่น 1 ตัว คนที่ 1 จะบังคับส่วนที่เป็นคอหุ่น หรือแกนกลางไม้ข้างในตัวหุ่น และจะะเชิดไม้หรือมือซ้ายของหุ่น ที่จะมีลูกรอกที่สามารถบังคับทิศทางของมือให้ขึ้นลงได้ ส่วนคนที่ 2 จะบังคับส่วนขาของหุ่น คนที่ 3 จะเชิดส่วนมือขวา ทั้ง 3 คนจะต้องสามารถเคลื่อนไหวในแบบท่าทางเดียวกัน รวมจิตจาก 3 คนให้เป็น 1 เดียว กัน เพื่อจะถ่ายทอดจิตวิญญาณไปสู่ตัวหุ่น เพื่อสืบทอดอารมณ์ ความเคลื่อนไหวและท่าทางได้มีชีวิตเหมือนคนมากที่สุด
นิยามของคำว่าหุ่นละครเล็กในแง่ของการเป็นมรดกที่ทรงคุณค่าของชาติ : หุ่นละครเล็กคือมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ที่เราควรจะต้องอนุรักษ์สืบต่อไป เพราเกิดมาจากภุมิปัญญาชาวบ้าน ที่เขาคิดค้นขึ้นมา เพื่อให้ชาวบ้านอย่างเราได้ดู เพราะในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านธรรมดาไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะเป็นการแสดงที่มีอยู่แต่ในวังเท่านั้น จนเมื่อพ่อครูแกร ศัพทวนิช เล็งเห็นถึงความสำคัญของหุ่นที่ชาวบ้านควรจะมีโอกาสได้ดู ได้เกิดขึ้นต่อสายตาประชาชนทั่วๆ ไป สิ่งนี้มีคุณค่ามากและเราควรจะอนุรักษ์เอาไว้ เพราะปู่ย่าตายายของเราคิดค้นขึ้นมา ถ้าหากเราจะปล่อยให้มันสูญหายไป ซึ่งในอดีตนั้นก็หุ่นละครเล็กก็หายไปกว่า 50 ปี กว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ก็ใช้เวลายาวนาน ซึ่งสิ่งนี้เปรียบเสมือนเป็นสมบัติของชาติ ในฐานะที่เราเป็นลุกหลาน เป็นคนไทยคนหนึ่งก็มีหน้าที่ต้องอนุรักษ์และสืบทอดต่อไป เชิญชวนนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชน ให้มาเยี่ยมเยียนบ้านศิลปิน ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ทุกๆ ท่านมาชมกัน เพราะนับวันศิลปะประเภทนี้จะหาชมได้ยาก พวกเราในฐานะผู้เชิดคือผู้สืบทอดโดยตรง แต่ผู้เชิด นักแสดงหุ่นจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผู้ชม คนดู ดิฉันอยากให้ทั้งผู้เชิดและผู้ชมมีส่วนร่วมในการสนับสนุนอนุรักษ์ศิลปะการแสดงชนิดนี้ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่มีพื้นที่ให้เข้ามาฝึกฝนพื้นฐานการเล่นโขนละคร และการเชิดหุ่น เพราะหากเราได้มาสัมผัสแล้วจะรับรู้สึกเสน่ห์ของหุ่นละครเล็ก