6,150 views
Favorite
ในการเลือกเรียนต่อ เลือกเส้นทางอาชีพในอนาคต มีหลากหลายปัจจัยที่เราควรคำนึงถึง ก่อนที่จะเลือก มา Check-List หาสิ่งใช่สำหรับตัวเองกัน
การตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อยากทำงานลักษณะไหน” อาจจะช่วยให้ตอบง่ายมากกว่าคำถาม อยากทำงานอะไร ? ลองมาสำรวจตัวเราอย่างจริงจังว่าเราเป็นคนมีนิสัยอย่างไรกันแน่ ถ้าเป็นคนชอบทำงานที่มีอิสระไม่เคร่งเรื่องเวลา การเลือกที่จะเรียนเป็นหมอก็อาจจะไม่ใช่คำตอบ เพราะ “หมอ” เรียนหนัก ทำงานหนักอยู่เสมอ แล้วถ้ารู้ว่าเราเป็นคนชอบคิดสร้างสรรค์คิดนอกกรอบแต่ก็มีระเบียบในตัวเองในเวลาเดียวกัน “สถาปนิก” ก็อาจจะเหมาะ ในขณะที่บางคนชอบตั้งคำถาม ชอบหาคำตอบชอบท่องสูตร “วิศวะ” ก็เป็นตัวเลือกที่ดี หรือถ้าชอบทำ Content ชอบการแสดงความคิดเห็นเสพย์ข่าวทันโลกอยู่เสมออาชีพ “Creative” ในคณะนิเทศศาสตร์ก็เหมาะสม เพราะฉะนั้นการสำรวจตัวเองจากสิ่งที่ตัวเองก็เป็นสิ่งที่ควรทำเมื่อต้องเลือกคณะ
แน่นอนอยู่แล้วว่าโลกหมุนตลอดเวลา เมื่อก่อนนั้นการใช้แรงงานและสมองจากมนูษย์เป็นหัวใจหลักของการทำงาน แต่ถ้ามองกันแบบนาทีต่อนาที เราคงเห็นว่าโลกของการทำงานเปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเพราะพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป จากพนักงานบัญชี ตอนนี้ก็มี Program มาแทนที่ พนักงานบริการก็มีระบบมาแทนที่ สังเกตจากการลดพนักงานในธนาคารหรือห้างสรรพสินค้า ดังนั้นเราควรมองไปให้ไกลกว่าปัจจุบัน แล้วศึกษาว่าอีก 4 ปี 6 ปี ที่เราจบมา ตลาดยังต้องการอาชีพที่เราเรียนอยู่หรือไม่ หรือสามารถต่อยอดสิ่งที่เรียนมาได้อย่างไรให้เป็นที่ต้องการในการทำงาน
Open House หรือค่ายที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจคณะนั้นได้ลองมาชิมลางกันก่อน รายละเอียดของการเข้าค่ายแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เราจะได้รู้จากค่ายคือพอจะมองออกว่าการเรียนการสอน วิชาที่เราจะได้เรียนในคณะนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะการที่ได้อ่านจากข้อมูลที่ได้จากเว็บไซต์อาจจะยังไม่เพียงพอ ต้องได้นั่งฟังรุ่นพี่ที่เรียนในคณะนี้จริง ๆ มาเล่าให้ฟังและยังได้เจอกับเพื่อนใหม่ ทัศนคติใหม่ ช่วยตัดสินใจให้กับเราได้ด้วย
อีกเรื่องที่สำคัญในการเลือกคณะ คือค่าใช้จ่ายที่ครอบครัวสามารถดูแลได้ บางคณะต้องใช้เงินมากตามหลักสูตรเช่นคณะที่ต้องมีอุปกรณ์ทางการเรียนการสอน เช่น หลักสูตรการถ่ายภาพ หลักสูตรการทดลอง เป็นต้น ซึ่งคณะหรือสาขาเหล่านี้อาจจะที่มีเรื่องค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากค่าเทอมเข้ามาเกี่ยวข้อง เราต้องศึกษาเรื่องนี้ด้วยเพื่อนำมาปรึกษากับผู้ปกครองหากพร้อมก็ลุยต่อได้ ถ้าไม่พร้อมก็ต้องหาแผนสำรอง
ถึงแม้ว่าเราจะเรียนสายวิทย์ สายศิลป์ สายคำนวณ หรือสายอื่น ๆ มา หากคณะเป้าหมาย ที่เราอยากเข้า มันไม่ตรงตามแผนการเรียน ก็อย่าเพิ่งกลัวไป น่าดีใจที่ปัจจุบันมีหลายคณะในหลายมหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบเข้าแบบข้ามสายได้แล้ว เช่น เรียนสายศิลป์มาก็สามารถสอบเข้าคณะวิศวะหรือแพทย์ได้ ต่างจากเมื่อก่อนที่เราจะถูกตัดสิทธิ์การเลือกคณะออกไปตามสายที่เราเรียนมา
ข้อดีของการเลือกคณะเรียนแบบข้ามสาย ก็คือแน่นอนว่ามันท้าทายมาก เราได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองแบบทลายกำแพงเลยแหละ แต่! ก็ไม่ง่ายความพยายามที่มีต้องมีมากกว่าเพื่อน ๆ สายตรงเป็นหลายเท่าตัว ความยากเริ่มต้นตั้งสอบเข้าไปถึงตอนเรียนภายในคณะ แต่ถ้าสู้ไหวเอาจริงก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอยู่แล้ว
การ Check-List ตัวเองทำให้การเลือกคณะง่ายขึ้น หลายคนบอกว่าการเลือกคณะเรียนดีคือการเลือกอนาคตที่ดี แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการถามใจตัวเองและมองถึงความเป็นไปได้ในอาชีพการทำงาน มองให้ไกลและอย่าหยุดพัฒนาตัวเอง มีผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมายบนโลกนี้ที่ทำงานไม่ตรงกับสิ่งที่เรียนมา ซึ่งพวกเขายืนยันให้เห็นว่าความสำเร็จในชีวิตไม่จำเป็นต้องทำงานตรงกับสิ่งที่เรียนมา แต่คุณต้องหาให้เจอว่าเราได้อะไรจากรั้วมหาวิทยาลัย
