สวัสดีค่ะ น้อง ๆ ทุกคน วันนี้ “พี่พิงค์” ได้นำรายการของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาฝากน้อง ๆ กัน นั่นก็คือ รายการ Aksorn Chula Channel นั่นเองค่ะ หลาย ๆ คนคงอาจจะคิดว่าคณะอักษรศาสตร์อ่านแต่หนังสือกัน แต่ความจริงแล้วเรายังทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย และล่าสุดคณะอักษรศาสตร์ก็มีรายการเป็นของตัวเองผ่านทางช่อง Youtube, Facebook, และ Twitter เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตคณะอักษรศาสตร์จากหลากหลายสาขาวิชาได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและสร้างสรรค์ผลงาน ภายใต้การดูแลของอาจารย์และศิษย์เก่าค่ะ
พี่พิงค์ได้ไปสัมภาษณ์ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ มาค่ะ ดร.สืบพงศ์ ช้างบุญชู และ รองผู้อำนวยการฯ อ.ปิยะวัฒน์ ธรรมกุลางกูร จากทีมงาน Aksorn Chula Channel ที่จะทำให้เราได้ทำความรู้จักกับ Aksorn Chula Channel ซึ่งเป็นรายการที่ดูแลโดยศูนย์บริการวิชาการ คณะอักษรศาสตร์กันมากขึ้นค่ะ
อ.สืบพงศ์: หน้าที่ของศูนย์ก็เป็นไปตามชื่อเลยครับ เรามีหน้าที่บริการความรู้สู่สาธารณะ จริงๆ แล้วเราอยากทำให้เห็นว่า คณะอักษรศาสตร์เป็นมากกว่าสถาบันสอนภาษา ความรู้ทาง อักษรศาสตร์ยังรวมไปถึง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ปรัชญา มันคือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ การศึกษามนุษย์ เราเป็นศาสตร์ที่ศึกษาความคิด ความรู้สึกของมนุษย์มากที่สุดสาขาหนึ่ง เราพยายามสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนวงกว้างว่าความรู้เหล่านี้ แม้จะไม่ได้เป็นวิชาชีพโดยตรง แต่ก็เป็นพื้นฐานสำคัญของสังคม ผมคิดว่าสังคมที่ไม่มีพื้นฐานวิชาการจะไม่เป็น ระเบียบ ไม่มีหลักอ้างอิงใด ๆ ทุกอย่างเกิดจากการคาดคะเนโดยปราศจากเหตุผล ถ้าเรา เผยแพร่สิ่งที่สอนอยู่ในคณะออกไป น่าจะทำให้เกิดสังคมที่มองปัญหา พิจารณาเรื่องราว ข่าวสาร หรือกระแสต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล มีที่มาที่ไปมากขึ้น
อ.ปิยะวัฒน์: ภารกิจหลักของศูนย์ฯ ณ ปัจจุบันคือเปิดคอร์สนอกเวลาต่าง ๆ สําหรับบุคคลทั่วไป ที่มีความสนใจอยากมาเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นคอร์สอบรมภาษาต่าง ๆ คอร์สบรรณาธิการหนังสือ ฯลฯ คอร์สเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์บริการวิชาการฯ กับภาควิชาหรือสาขาวิชาในคณะอักษรศาสตร์ เรายังมีบริการออกแบบหลักสูตรและดําเนินการอบรมตามความต้องการเฉพาะของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอีกด้วย เป็นโครงการแบบ Tailor-made เช่น อบรมการล่ามพูดพร้อม การอบรมพื้นฐานการแสดงและการใช้เสียงเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพให้กับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่าง ๆ นอกจากนั้นตอนนี้เราก็พยายามคิดโครงการบริการวิชาการใหม่ ๆ ที่จะสอดรับกับโลกที่กําลังเปลี่ยนแปลง ทั้งโครงการทดลอง พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ โครงการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว Aksorn Chula Channel ก็เป็นโครงการหนึ่งที่เรากำลังพัฒนานี่แหละครับ
อ.ปิยะวัฒน์: โครงการนี้เริ่มขึ้นจากการระดมสมองกับทีมเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านอักษรศาสตร์สู่สังคมและยังเป็นการประชาสัมพันธ์ศูนย์บริการวิชาการฯ อีกด้วย เพราะคนต้องรู้จักเราก่อน เราถึงจะบริการความรู้ไปสู่เขาได้ เราต้องสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเป้าหมาย ให้เขาเห็นว่าบริการ ต่าง ๆ ของศูนย์ฯ จะไปเสริมหรือช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง การเปิด Aksorn Chula Channel หรือช่องความรู้ทางอักษรศาสตร์ใน Youtube น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการสร้างภาพลักษณ์ให้ศูนย์บริการวิชาการฯ และ คณะอักษรศาสตร์ ผ่านคลิปความรู้สนุก ๆ ความยาวตอนละประมาณ 2-3 นาที ที่จะทยอยออกอากาศอย่างต่อเนื่อง
อ.ปิยะวัฒน์: ด้านงานผลิตต้องขอบคุณอาจารย์เกียรติภูมิ นันทานุกูล ที่ช่วยดูแลโครงการนี้ ร่วมกับเครือข่ายศิษย์เก่า และนิสิตอาสาสมัครในคณะอักษรศาสตร์ ทุกคนทำงานอย่างแข็งขัน ตั้งแต่จัดทำบท สร้าง Storyboard ทำกราฟิก และตัดต่อ แม้จะไม่ใช่ทักษะที่เรียนมาโดยตรงแต่ก็เป็นการใช้ความสามารถพิเศษ หรือความสนใจเฉพาะบุคคลมาร่วมสร้างสรรค์ จริง ๆ ทีมผลิตเริ่มลงมือกันมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 แล้วครับ ตอนนั้นผมก็กําลังลุ้นสุดตัวว่าจะออกมาตามแผนได้หรือไม่ เพราะแม้ว่าจะเป็นผลงานที่นิสิตร่วมกันสร้างสรรค์ ลองผิดลองถูก แต่ก็อยากให้งานออกมาดีมีคุณภาพ ดูแล้วทันสมัยและได้ความรู้ครับ
อ.ปิยะวัฒน์: ผมมองว่าเรากำลังอยู่ในเฟสทดลองนะครับ แต่เราก็มีความตั้งจำนวนไว้ถึง 90 เทป เพราะเราต้องการความหลากหลายในเนื้อหา และต้องการความต่อเนื่อง เรามีรายการทั้งหมด 7 รายการ แต่ละรายการก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น “ยั้งคิด” เป็นรายการที่ได้ความร่วมมือจาก คุณจมาพร แสงทอง นิสิตเก่า ภาควิชาปรัชญา มานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการอ้างเหตุผลที่เรา อาจพบได้ในชีวิตประจำวัน เนื้อหาก็มาจากวิชาการอ้างเหตุผล ซึ่งเป็นรายวิชาพื้นฐานที่นิสิตอักษรศาสตร์ ปี 1 จะต้องเรียนทุกคน เราก็นำมาย่อยให้เข้าใจง่ายครับ หรือรายการ Word Connect เป็นรายการเกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ รายการนี้จะนำเสนอว่า คำในภาษาอังกฤษบางคู่มีความเกี่ยวข้องกัน เช่น Mother ที่แปลว่าแม่ มาเกี่ยวกับรถไฟใต้ดินได้อย่างไร หรือคำว่า “การเดินทาง” กับ “การทำงาน” จริง ๆ แล้วเกี่ยวข้องกัน ก็ต้องขอบคุณบุคคลฝ่าย ต่าง ๆ ที่อาจารย์สืบพงศ์กล่าวไปครับ เพราะทีมงานตั้งใจทำมากจริง ๆ แล้วก็พร้อมรับคำแนะนำหรือติชมจากท่านผู้ชมเพื่อให้เราผลิตรายการได้ตรงความต้องการของผู้ชมมากขึ้นครับ
อ.ปิยะวัฒน์: เราก็พยายามใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอข้อมูลทางอักษรศาสตร์อยู่เรื่อย ๆ ครับ อย่างเมื่อปีที่แล้ว เราได้ไปร่วมจัดกิจกรรมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย เราก็นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับรัสเซียและไทยผ่านประวัติศาสตร์การละครและภาพยนตร์ครับ วิธีนำเสนอก็ใช้ augmented reality หรือ AR ให้ ผู้เข้าชมใช้มือถือของตนเองสแกนไปที่ภาพ แล้วเนื้อหาและวิดีโอแสดงให้เห็น เราได้รับการตอบรับดีมากจากทั้งผู้จัดงานและผู้เข้าชมงานครับ เหมือนได้ไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยครับ
อ.สืบพงศ์: มองจากมุมหนึ่ง เราคงปฏิเสธไม่ได้ครับว่าเราต้องเข้าถึงสาธารณชนผ่านโลกออนไลน์ เพราะคนจำนวนมากในสังคมเมืองใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ แต่ผมคิดว่าท่ามกลาง โลกที่ทุกอย่าง “รวดเร็ว” ความรู้ทางอักษรศาสตร์ควรช่วยให้เราเรียนรู้และชะลอความเร็ว ทางด้านจิตใจ แม้ว่าเราต้องก้าวให้ทันโลก แต่เราอาจจะต้องทำตัวให้ช้าลงบ้าง เพื่อซึมซับสุนทรียภาพ ความงามต่าง ๆ ที่ปรากฏรอบตัวเรา อักษรศาสตร์ยังคงช่วยให้เราเข้าใจปรากฏการณ์หรือเหตุผลในปรากฏการณ์ต่าง ๆ รอบตัว ช่วยให้เราหยุดคิดและพิจารณากับสิ่งที่เคลื่อนไหว เช่น เราเห็นกลอนบทหนึ่งในเฟซบุ๊ก เราอาจจะสไลด์อ่านผ่าน ๆ แล้วก็กด like ใช่ไหมครับ แต่อักษรศาสตร์จะช่วยให้เราย้อนกลับไปพิจารณาความงามระหว่างบรรทัดของกลอนบทนั้น ไม่ใช่แค่กด like แต่ไม่ได้ซาบซึ้งกับสิ่งเหล่านั้นจริง ๆ
อ.ปิยะวัฒน์: บนพิกัดที่ 100 ปี สิ่งที่ศูนย์บริการวิชาการฯ ทำจะช่วยให้คณะอักษรศาสตร์ยังคงสามารถเป็นสะพานความรู้สู่สาธารณะ ที่ทอดเชื่อมอดีตอันยาวนานและทรงคุณค่าของคณะฯ ภายใต้กระบวนทัศน์ใหม่ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราต้องไม่ถูกมองว่าเก่า เราต้องไม่ถูกมองว่าเชย แต่เราต้องทําให้เห็นว่าองค์ความรู้ทางอักษรศาสตร์คือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ใช้ได้กับชีวิตไม่ว่าคุณอยู่ในสาขาอาชีพใดก็ตาม
อ.สืบพงศ์: 100 ปีแรกของคณะอักษรศาสตร์ เราประสบความสำเร็จในฐานะสถาบันการศึกษาที่เป็นแม่แบบ เป็นความฝันของคนที่สนใจเรื่องภาษาและวัฒนธรรม แต่หนึ่ง 100 ปีต่อไป เรากำลังถูกท้าทายจากสภาพแวดล้อมให้ทบทวนบทบาทของตนเอง ดูว่าสังคมมองเราอย่างไร นักเรียนปัจจุบันมองเราอย่างไร เมื่อ 100 ปีที่แล้ว ประเทศไทยอยู่ในยุคเริ่มต้นของการศึกษาระดับอุดมศึกษา เป็นช่วงวางรากฐานความรู้ เราก็ทำหน้าที่ตอบโจทย์นั้นได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะนี้ ความรู้มากมายอยู่แค่ปลายนิ้ว ทุกคนหาความรู้ได้ แต่คนในสังคมจะประเมินความน่าเชื่อถือของความรู้เหล่านั้นได้อย่างไร เราจะจัดระบบความรู้เหล่านั้นได้อย่างไร นี่เป็นตัวอย่างความท้าทายของอักษรศาสตร์ เราคงต้องทำงานกับชุมชนมากขึ้น เราจะได้รู้ว่าเราจะใช้ความรู้ของเราไปบริการสังคมได้อย่างไร องค์ความรู้ทางด้านอักษรศาสตร์บางประเภทเป็นเรื่องนามธรรม เราจึงไม่สามารถเรียนรู้และรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียว แต่ที่แน่ ๆ คือ ความรู้เหล่านี้เกิดจากคน เราก็ต้องย้อนกลับไปหาคนครับ
เรามาทำความรู้จักกับ “พี่ปั้น” นายนิรมิต ประดิษฐ์วงศ์ นิสิตชั้นปีที่ 2 เอกภาษาอังกฤษ โทศิลปการละคร และ “พี่เนิร์ส” นางสาว ณัฏฐณิชา ลำใย นิสิตชั้นปีที่ 2 เอกภาษาญี่ปุ่น นิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน Aksorn Chula Channel นี้กันค่ะ
พี่เนิร์ส: เป็นคนที่สนใจอยากทำกิจกรรมอยู่แล้วและก็ชอบท้าทายตัวเอง งานนี้มันเป็นอาสาสมัคร มีการประชาสัมพันธ์ช่วงพี่จะจบปีหนึ่ง มีการทำโพสเตอร์มาลงเพจในเฟสบุ๊ค กอศ. ว่าอยากได้อาสาสมัครมาทำช่อง Aksorn Chula Channel เราเลยสมัครไป นอกจากนั้นคือ เราชอบเสพสื่อ เราเลยอยากทำสื่อ นี่ก็เป็นโอกาสที่เข้ามาพอดีเราเลยอยากไปทำ
พี่ปั้น: พี่ไม่ใช่คนชอบทำกิจกรรม แต่ที่มาทำเป็นเพราะว่าเพื่อนเราทำกิจกรรมเยอะมาก เราไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเรียน เราคิดว่าช่วงมหาลัยเราควรมีประสบการณ์การทำกิจกรรมหรือการทำงานด้วย ไม่ใช่เรียนอย่างเดียว เราไม่รู้จะทำไร แต่เพื่อนทำพวกงานสัมภาษณ์แล้วมาเล่าว่ามันดี ได้เจอคนที่เค้าอยู่ในวงการจริง ๆ อย่างนักข่าว ดารา นอกจากนั้นคือส่วนตัวอยากเป็นพวกนักเขียน มันมีตำแหน่งนี้ใน Aksorn Chula Channel พอดี เราเลยมาลองดู
พี่ปั้น: ไม่มีคุณสมบัติเลย แค่มีใจรักอยากจะมาทำ พร้อมเรียนรู้และมีความรับผิดชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กอักษรด้วย เพราะมันเป็นงานอาสาสมัครเราเลยเปิดโอกาสให้ทุกคนมาได้เลย เราทำเพื่อฝึกและช่วยให้ความรู้ต่าง ๆ กับนิสิตครับ
พี่เนิร์ส: ตอนนี้เรียนเอกภาษาญี่ปุ่นอยู่ เราคาดหวังว่าเข้ามาแล้วจะเพิ่มพูนประสบการณ์ในการทำงานไปต่อยอดในอนาคตได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการติดต่อสื่อสาร สร้างโอกาสให้ตัวเองเพิ่มขึ้นโดยการเก็บเกี่ยวความรู้อื่น ๆ เพิ่มขึ้นในตัว พี่เป็น channel manager มีส่วนกับทุกฝ่าย พี่จะได้เรื่องของกระบวนการทำงานของแต่ละฝ่าย ฝึกการทำงานจริง ๆ ส่วนตัวเราสนใจงานทางนี้อยู่บ้าง อยากทำงานกับบริษัทมีเดียของญี่ปุ่น พวกบริษัทโฆษณา เว็ปไซท์ต่าง ๆ
พี่ปั้น: การได้เห็นความจริงในการทำงาน อาจจะไม่ได้เข้มข้นจริงจังไม่ใช่มืออาชีพจ้างงานกันจริง ๆ แต่มันทำให้เราเห็นภาพรวม เห็นอุปสรรคการทำงานจริง ๆ ถึงมันไม่หนักเหมือนมืออาชีพ แต่เราก็ได้รับประสบการณ์ เรายังต้องหาตัวเองอยู่ เราเลยหวังว่าการทำงานนี้จะทำให้เราค้นพบตัวตนของตัวเองมากขึ้นเพราะเราได้ลงมือทำจริง ๆ
พี่เนิร์ส: เราตั้งdeadline และใช้ planner เพราะเราก็มีกิจกรรมอื่นด้วย เราก็ต้องจัดเวลาตัวเองดี ๆ พยายามทำให้ทัน deadline ดูว่าตัวเองจะทำได้แค่ไหนในเวลาแค่นี้ พี่จะ พยายามทำงานในวิชาเรียนให้เสร็จก่อนล่วงหน้า ทำให้ตัวเองมีเวลาไปทำรายการด้วย
พี่ปั้น: ถ้าใกล้สอบ ก้จะตั้งใจทำรายการให้เสร็จก่อนล่วงหน้าเยอะ ๆ คนอื่นก็ต้องแบ่งเวลาด้วยเพราะมันทำงานเป็นทีม ก็ต้องหาเวลาที่ลงตัวกัน เราต้องวางแผนว่าเวลาเท่านี้เราจะสามารถอ่านได้เท่าไหน เราก็ต้องคิดว่ามันพอรึเปล่าที่จะแบ่งเวลาเหล่านั้นไปทำรายการ
พี่เนิร์ส: คิดว่าหลาย ๆ คนคงรู้จักคณะอักษรศาสตร์ แต่อยากให้มาลองดูรายการ เพื่อที่จะเข้าใจอักษรมากขึ้น จะได้รู้ว่า อักษรคิดกันยังไง ได้ความรู้ใหม่ ๆ ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจด้วย ยังไงก็อยากให้มาดูรายการกันเยอะ ๆ และถ้าใครสนใจอยากเป็นส่วนหนึ่งของการทำรายการก็สามารถติดต่อเข้ามาได้เลยทุกคนค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับ Aksorn Chula Channel น้อง ๆ ปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ ถ้าหากอยากหาประสบการณ์หรือกิจกรรมดี ๆ ก็สามารถไปสมัครกันได้ โดยส่งรายละเอียดไปที่อีเมลของทางช่อง: aksornchulachannel@gmail.com ได้เลยค่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากเข้าชมรายการเพิ่มเติม Aksorn Chula Channel สามารถรับชมได้ทาง www.youtube.com/aksornchulachannel หรือ Facebook ของศูนย์บริการวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพียงค้นหาด้วยคำว่า “Aksorn Chula” ค่ะ
เรื่อง : พิชญา วัชโรดมประเสริ