“นางสาวไทยประจำปี 2549 ได้แก่ นางสาวลลนา ก้องธรนินทร์” หากยังจำเสียงประกาศผลนี้กันได้ นางสาวไทยในวันนั้นคืออนาคตแพทย์หญิงในวันนี้ เจี๊ยบ-ลลนา เป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 5 โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ใช้เวลาอีกหนึ่งปีเราก็จะมีคุณหมอที่ทั้งสวยและเก่งเพิ่มอีกหนึ่งคน
ค้นพบตัวเองได้ยังไงว่าอยากเป็นหมอ
ตอนแรกไม่ได้อยากเรียนหมอแต่อยากเป็นทันตแพทย์ เพราะเจี๊ยบไม่ใช่เด็กเรียนเก่งและคิดว่าการเป็นหมอจะต้องไปยุ่งกับชีวิตคน กลัวไปทำใครตาย พอมาถึงตอนนี้รู้แล้วว่าทั้งแพทย์และทันตแพทย์ต้องรับผิดชอบชีวิตคนไข้เหมือนกันค่ะ ตอนอยู่ ม.6 ช่วงนั้นมีอะไรให้สอบก็สอบหมด ความถนัดครูก็ยังสอบเลย พอรู้ว่าศิริราชมีโครงการให้เด็กฝึกงานตามโรงพยาบาลก่อนจึงจะสามารถสอบตรงได้ เราก็เลยอยากลอง วันแรกที่ไปฝึกงานกลายเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเจี๊ยบ เพราะโรงพยาบาลที่เจี๊ยบไปเป็นโรงพยาบาลแถวบางบ่อ สมุทรปราการ พอไปถึงเจี๊ยบได้เห็นคนไข้เป็นร้อยๆ คน แต่มีหมอแค่ประมาณ 2 คนเอง มีเด็กร้องไห้ตัวแดงไข้ขึ้น มีคนไข้ที่ป่วยหนักนอนบนรถเข็นปิดม่านไว้บอกว่าจะกลับไปตายที่บ้าน ตอนนั้นตกใจมาก คิดถึงตอนเราหาหมอตามโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ลำบาก พอมาเจอแบบนี้แล้วอยากช่วยคนไข้มาก คิดว่าถ้าเป็นหมอจะวิ่งเข้าไปทันที เจี๊ยบเลยฮึดสอบเข้าหมอ
ตอนนั้นเป็นนางสาวไทยหรือยังคะ แล้วเจี๊ยบแบ่งเวลาเรียนยังไง
ตอนประกวดเจี๊ยบเพิ่งอยู่ปี 1 เลยยังเรียนไม่ค่อยหนัก แต่ว่าต้องเตรียมพร้อมมากกว่าคนอื่น อ่านหนังสือก็อาจจะอ่านหนักกว่าคนอื่น ช่วงนั้นเราต้องแบ่งเวลาให้ถูกค่ะ คือถ้ามีเรียนก็จะบอกกองถ่ายว่าไปไม่ได้ เอาเรียนมาก่อนที่เหลือก็ทำงานค่ะ ถึงจะมีเวลาเที่ยวเล่นน้อยกว่าคนอื่นแต่ว่าก็ได้ประสบการณ์ที่ดี
น้องเจี๊ยบมีเคล็ดลับในการเรียนยังไงบ้าง
มันอยู่ที่ใจเราว่าอยากทำอะไร อยากได้อะไร เจี๊ยบคิดว่าถ้าเราตั้งใจอยากทำเองจะมีแรงฮึด และเราก็ต้องรู้ด้วยว่าเราเป็นคนที่เรียนแบบไหน เพราะแต่ละคนมีการเรียนที่ไม่เหมือนกัน บางคนตั้งใจฟังในห้อง บางคนอาจจะต้องกลับมาอ่านเองหรือใช้วิธีจดโน้ตหรือท่องจำ ถ้าเรารู้มันจะเป็นทริคเลย ของเจี๊ยบส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือเอง ส่วนไหนที่ไม่เข้าใจก็ไปถามเพื่อน เจี๊ยบได้เพื่อนช่วยมากๆ ช่วงไปทำงานไม่มีเวลาอ่านหนังสือเอง คือมันต้องอาศัยหลายๆ อย่างเป็นองค์ประกอบ
คณะแพทย์ฯ มีกิจกรรมสนุกๆ แบบที่คนอื่นคาดไม่ถึงไหม
บางคนคิดว่าคณะแพทย์เป็นคณะที่เครียดใช่ไหมคะ ของหมอมีกิจกรรมเรียกว่า “รามาดราม่า” เป็นละครเวทีของหมอที่ทำเพื่อเรี่ยไรเงินเข้าการกุศล เอาไปสร้างตึกหรือทำอะไรทางการแพทย์ค่ะ กิจกรรมนี้พี่ปี 2 จะซ้อมละครให้กับน้องปี 1 แล้วเอาพวกเฟรชชี่ปี 1 มาเป็นพระเอก-นางเอก อารมณ์คล้ายๆ มิวสิคัล มีร้องเพลง แต่งเพลงกันเอง เจี๊ยบอยู่แผนกเสื้อผ้าคอสตูมค่ะ ใครจะคิดว่าหมอเล่นละครได้ เราทำได้และทำได้ดีด้วยค่ะ
ทราบว่ามีการจัด “ค่ายรามา” สำหรับน้องๆ ม.ปลายด้วย
ค่ายรามาปณิธานอยากให้น้องๆ มาดูว่าที่นี่เรียนเป็นยังไง จะมีการรับน้องแบบย่อมๆ มีกิจกรรมสันทนาการหลายอย่าง และมี “แล็บกรี๊ด” เพราะชีวิตนักเรียนแพทย์ต้องอยู่กับแล็บเยอะมาก เราจำลองสถานการณ์ให้พี่ๆ ตั้งคำถามแปะไว้ตามเก้าอี้ให้น้องๆ ทำข้อละ 1 นาทีแล้วกดกริ่ง ตื่นเต้นจนต้องร้องกรี๊ด เลยเรียกว่าแล็บกรี๊ดค่ะ
มีอะไรอยากแนะนำน้องๆ ที่อยากเรียนหมอไหม
อย่างแรกเลยคือทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเรา ถ้าเรารักเราชอบก็ทำได้หมด แต่ต้องรู้ว่าเรารักเราชอบตรงนี้จริงๆ นะ เพราะพอเข้ามาเรียนแล้วบางคนก็อาจจะท้อ แต่ถ้าเรารักจริงยังไงมันก็ช่วยได้อยู่แล้ว ขอเป็นกำลังใจให้สู้ๆ ทุกคน มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ
หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล |