ใกล้วันเข้าพรรษา นอกจากต้องเตรียมแห่เทียนเข้าวัดแล้ว บางท่านยังต้องเตรียมดอกไม้เพื่อถวายบูชาพระ ซึ่งเป็นอีกประเพณีหนึ่งที่สืบทอดกันมาช้านาน การถวายดอกไม้เพื่อบูชาพระจะทำเป็นพิธีใหญ่ และสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีประจำถิ่น เรียกว่า “ประเพณีใส่บาตรดอกไม้” หรือ “ประเพณีตักบาตรดอกไม้” และเป็นประเพณีใส่บาตรดอกไม้ในกรุงเทพมหานคร มีเพียงแห่งเดียวที่วัดบวรนิเวศวิหารค่ะ
การบูชาพระรัตนตรัยด้วยดอกไม้ธูปเทียนนั้นเรียกว่า “อามิสบูชา” ศรัทธานี้มีผลอานิสงส์ไม่น้อยไปกว่าการปฏิบัติบูชา และนับเป็นคติความเชื่อทางพุทธศาสนา ที่ชาวไทยปฏิบัติสืบทอดกันมา อามิสบูชาที่พุทธศาสนิกชนไทยปฏิบัติกันมาเป็นประจำนั้น มีมาตั้งแต่การนำดอกไม้ธูปเทียนถวายพระสงฆ์ พร้อมกับตักบาตรในตอนเช้าหรือตั้งโต๊ะหมู่บูชาถวายที่บ้าน รวมถึงการกระทำที่พิเศษในวันพระและวันสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา
ความเป็นมาของประเพณีใส่บาตรดอกไม้ คือในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร เจ้าเมืองราชคฤห์ ทรงรับดอกมะลิสดจากนายมาลาการเป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 8 กำมือ และจะทรงพระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่นายมาลาการเช่นกัน วันหนึ่งขณะนายมาลาการกำลังเก็บดอกมะลิอยู่ในสวนเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาบิณฑบาตพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ตอนนั้นนายมาลาการได้เห็น “ฉัพพรรณรังสี” เป็นประกายอยู่รอบๆ พระวรกายของพระพุทธองค์ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนำดอกมะลิที่จะไปถวายพระเจ้าพิมพิสารไปถวายพระพุทธเจ้า โดยไม่กลัวความผิด แต่กลับตั้งจิตอธิษฐานและนำดอกมะลิไปหว่านโปรยถวายพระพุทธองค์ บัดนั้นได้เกิดอภินิหารขึ้น คือ ดอกมะลิที่โปรยไปลอยรวมกันเป็นแพกันแดดถวายแด่พระพุทธเจ้า ครั้นพระเจ้าพิมพิสารทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาบิณฑบาต โดยภรรยาของนายมาลาการ เล่าว่า นายมาลาการได้เข้าเฝ้าถวายดอกมะลิแด่พระพุทธเจ้า และภรรยาของนายมาลาการได้ขอหย่ากับสามี เพราะกลัวโทษที่สามีละเลยหน้าที่ ไม่นำดอกมะลิสดไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปถวายบังคมพระพุทธเจ้าด้วยความเลื่อมใส เมื่อเสด็จกลับพระราชวังได้รับสั่งให้นายมาลาการเข้าเฝ้า นายมาลาการได้ทูลตามความจริงโดยไม่กลัวโทษทัณฑ์ พระเจ้าพิมพิสารจึงพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้อย่างมากมาย
ประเพณีใส่บาตรดอกไม้ที่วัดบวรนิเวศวิหารนี้ได้จัดมาเป็นประจำทุกปี ประมาณ 50 ปี มาแล้ว แต่ดอกไม้ที่ใช้ในวัดบวรนิเวศนี้แตกต่างจากดอกไม้ที่ใช้ใส่บาตรที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีเพราะที่วัดบวรนิเวศใช้ดอกบัว แต่ก็มีดอกไม้ชนิดอื่นปะปนเข้ามาด้วยเช่นกัน
สาเหตุของการใช้ดอกบัวนั้น พระคุณเจ้าพระครูสุภัทรสารโสภณ ผู้ช่วยเลขาธิการ วัดบวรนิเวศเล่าว่า ในพุทธประวัติตอนต่างๆ มีการถวายดอกไม้เป็นประจำ โดยเฉพาะดอกบัว และจากพุทธปาฏิหาริย์มักปรากฏดอกบัวผุดขึ้นมารองรับพระบาททุกย่างก้าวที่พระองค์เสด็จไป โดยเฉพาะตอนประสูติ เห็นได้ว่าดอกบัวมีความสำคัญทางพุทธศาสนา ดังนั้นจึงถือว่าดอกบัวเป็นดอกไม้ประธานของดอกไม้ทั้งปวง
พิธีจะจัดในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ตอนบ่าย ประมาณ 15.00 – 16.00 น. เมื่อพุทธศาสนิกชนทั้งหลายกลับจากทำบุญวันเข้าพรรษาที่วัดแล้ว จะจัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียนไว้คอยใส่บาตรเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ที่บริเวณลานวัดบวรนิเวศในตอนค่ำ บางคนพากันมาตั้งแต่เช้าเพื่อร่วมตักบาตรนวกะพระใหม่ที่เป็นญาติ การจัดดอกไม้ธูปเทียนนั้นมีการพิถีพิถันร้อยเป็นมาลัยพวงเล็กๆ มาถวาย หรือจัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียนผูกรวมกันเป็นช่อๆ บางคนนำเสื่อผืนเล็กๆ มาเตรียมปูลงริมทางในเขตกำแพงแก้วริมพระอุโบสถ เพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะเสด็จฯ มาถวายเทียนพรรษาและพุ่มดอกไม้ทุกปี
พิธีใส่บาตรดอกไม้ได้เริ่มขึ้นหลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพุ่มดอกไม้และทรงจุดเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาแล้ว พระภิกษุสงฆ์และสามเณรที่จำพรรษาอยู่ที่วัดขณะนั้น จะเดินเรียงแถวลงมาจากตำหนักเพชร พระสงฆ์ลูกวัดจะเดินตามท่านเจ้าอาวาส เพื่อรับถวายดอกไม้ธูปเทียนจากพุทธศาสนิกชนใส่ลงในย่าม เมื่อเต็มลูกศิษย์จะเตรียมถาด ถัง ตะกร้า แบ่งดอกไม้จากย่ามไปไว้ในพระอุโบสถ หลังจากพระสงฆ์หรือสามเณรรูปสุดท้ายรับถวายดอกไม้แล้ว จากนั้นเดินเข้าสู่พระอุโบสถ และแยกดอกไม้เพื่อบูชาพระพุทธรูป และรูปหล่อของอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศในพระอุโบสถ และมีพระพุทธรูปสำคัญ คือ พระพุทธสุวรรณเขต พระพุทธชินสีห์ พระอัฏฐารส พระนิรันตราย พระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พระรูปสมเด็จพระมหาสาณเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรสและพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ดอกไม้ที่นำมาถวายพระภิกษุสงฆ์นั้นล้วนแต่มีสีสันสวยงาม เช่น ดอกบัว ดอกกุหลาบ กล้วยไม้ นอกจากนั้นยังมีการประดิดประดอยอย่างสวยงาม เช่น จัดแต่งดอกไม้ลงในกระทงใบตอง จนถึงการประดิษฐ์ดอกไม้เป็นตัวกระแตอย่างสวยงาม ดอกไม้ธูปเทียนส่วนหนึ่งจะนำไปบูชาพระพุทธรูปและ ปูชนียสถานสำคัญในวัดที่อยู่นอกกำแพงแก้ว เช่น พระพุทธรูปในซุ้มพระปรางค์ พระพุทธบาทจำลอง พระมหาเจดีย์ พระไพรีพินาศ พระพุทธรูปในพระวิหารเก๋งจีน พระศรีศาสดา พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งประดิษฐานในพระวิหารพระศรีศาสดา และพระพุทธรูปในกุฏิที่พระสงฆ์แต่ละรูปจำพรรษาอยู่ วิหารพระศาสดา และวิหารเก๋งจะเปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปด้วย
หลังจากที่พระสงฆ์ทุกรูปจัดบูชาดอกไม้ธูปเทียนที่รับมาจากชาวบ้านแล้ว ก็จะเข้าสู่พระอุโบสถพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำพิธีปวารณาตนเข้าพรรษา ดังนี้เป็นอันเสร็จพิธี
ขอขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก www.tat.ro.th/festival
ขอขอบคุณรูปภาพประกอบสวยๆ จาก http://www.tripandtrek.com/webboard2/photo/2006071123372230053005.jpg
ขอขอบคุณรูปภาพประกอบสวยๆ จาก http://goople.exteen.com/images/Photo-0010_resize.jpg