หากพูดถึงรับน้องสิ่งแรกที่น้อง ๆ อาจจะนึกถึง นั้นก็คือ “ระบบ SOTUS” ตามซีรีส์หรือละครต่าง ๆ ที่อาจจะมีการใช้การกระทำหรือคำพูดที่มีความรุนแรงส่งผลทางด้านจิตใจ อีกทั้งภาพข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ตีแผ่การรับน้องที่รุนแรงโดยเหมารวมการรับน้องทั่วประเทศ จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่และน้อง ๆ หลายคนรู้สึกกลัวและไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมการรับน้อง ซึ่งวันนี้พี่จะมาตีแผ่เล่าประสบการณ์อีกมุมหนึ่งของการรับน้อง รับน้องที่ไม่ได้โหดรับน้องที่สร้างสรรค์ ซึ่งอาจจะทำให้พวกน้อง ๆ มองการรับน้องเปลี่ยนไป
หากพูดคำว่า “Sotus” ออกมาอาจจะจุกกันเลยทีเดียว เพราะการรับน้องชนิดนี้เป็นการรับน้องที่ขึ้นชื่อฤาชาทางด้าน ความโหด เหี้ยม อำมหิต บลา ๆ ซึ่งถามว่าปัจจุบันยังหลงเหลือความรุนแรงอยู่ไหม บอกเลยว่า ”ยังมีอยู่” เพียงแต่ลดความรุนแรงลงมาแล้ว แต่เอาเข้าจริงระบบ Sotus เป็นระบบที่ดีหากพี่ ๆ ในมหาวิทยาลัยเข้าใจความหมายและวัตถุประสงค์และคิดกิจกรรมตามตัวอักษรของ S O T U S นั้นก็คือ
Seniority คือ การเคารพผู้อาวุโส
Order คือ การปฏิบัติตามระเบียบวินัย
Tradition คือ การปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณี
Unity คือ การเป็นหนึ่งเดียว
Spirit คือ การฝึกจิตใจ การเสียสละกายและใจ มีน้ำใจเพื่อสังคม
จากความรุนแรงในอดีต จึงส่งผลให้หลาย ๆ มหาวิทยาลัยยกเลิกระบบ Sotus และมีความเข้มงวดด้านกิจกรรมรับน้อง โดยมีท่านอาจารย์คอยสังเกตการณ์เพื่อระงับความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นระบบ Sotus ไม่ได้มีทุกมหาวิทยาลัยเข้าใจซะใหม่!
การรับน้องอย่างสร้างสรรค์คือการรับน้องที่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน เช่น เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเด็กรุ่นใหม่ เพื่อรักสถาบันและคณะที่ศึกษาอยู่ เพื่อเคารพและรักครอบครัวพี่น้องของคณะ เป็นต้น ซึ่งรุ่นพี่ที่จัดรับน้องเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายและคิดกิจกรรมที่ คำนึงถึงประโยชน์ที่น้องจะได้รับและคำนึงถึงความปลอดภัยให้แก่น้อง ๆ เสมอ แล้วเมื่อน้องเข้าสู่รั้วมหาลัย สิ่งที่กิจกรรมรับน้องจะทำให้น้องได้เจอนั้นก็คือ
หลายคนคงต้องจากเพื่อนจากมัธยมปลายมาใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยคนเดียว และกำลังกังวลว่าฉันจะมีเพื่อนไหม? แล้วเพื่อนใหม่จะเป็นอย่างไง? เห้ย! แค่คิดจะหาก็ปวดหัวแล้ว แต่การมารับน้องจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้น้อง ๆ ได้เจอเพื่อน ๆ ในสาขา ในคณะ ซึ่งมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเกิดการพูดคุยกัน มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากในการหาเพื่อน หยุดกังวลแล้วมาหาเพื่อนไปกับกิจกรรมสร้างสรรค์ดีกว่า
นอกจากจะต้องรู้จักเพื่อนแล้วการรู้จักพี่ก็สำคัญ เพราะรุ่นพี่เนี้ยแหละจะช่วยเราติวหนังสือ ฮ่า ๆ กิจกรรมพี่เทคพี่รหัสจึงเกิดขึ้นเพื่อที่จะเทคแคร์น้อง ๆ ตลอกการเรียนในมหาวิทยาลัย อารมณ์คล้าย ๆ พี่เลี้ยง ซึ่งก็เลี้ยงจริง ๆ หลังจากกิจกรรมรับน้องในทุกวันน้องก็จะได้รับของเทคแคร์มากมายไม่ว่าจะเป็น ขนม นม เนย หรือแม้กระทั้งอุปกรณ์การเรียน ซึ่งขึ้นอยู่ตามกำลังทรัพย์ของพี่แต่ละคน (น้องอาจจะเลี้ยงพี่ก็ได้ ฮ่า ๆ )
สันทนาการ คือกิจกรรมละลายพฤติกรรมที่พี่ ๆ หลายคน ทุ่มเทมาก (บางทีก็คิดว่ากับการเรียนทุ่มเทขนาดนี้รึเปล่า?) สันทนาการเป็นกิจกรรมที่สนุกและตลกที่สุด เนื่องจากพี่ ๆ เขาจะมีเกมส์มาให้น้อง ๆ ได้เล่น ไม่ว่าจะ เดี่ยว คู่ กลุ่ม ก็เล่นได้ทั้งนั้น และหากใครทำผิดหรือแพ้ในเกมส์ ก็จะโดนลงโทษ แต่อย่าเพิ่งตกใจ! ลงโทษในที่นี้ไม่ใช้วิดพื้นหรือวิ่งรอบสนามแต่อย่างใด แต่มันคือ “การเต้น” แต่บอกไว้ก่อนไก่ย่างนี้หลบไป ในมหาวิทยาลัยโหดกว่าจะบอกให้ เพราะฉะนั้นเตรียมเอวให้พร้อมเลย
รับน้องเราก็ต้องมีเครียดกันบ้าง จะให้มาเต้นทั้งวันทั้งคือก็ไร้สาระไป แต่ถ้ากล่าวถึงห้องเชียร์ขึ้นมาเด็กปีหนึ่งก็จะเริ่มหนาว เพราะห้องเชียร์เนี้ยเป็นกิจกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อฝึกวินัยให้แก่น้อง ๆ อีกทั้งเป็นห้องที่สอนน้อง ๆ ในการบูมคณะ บูมมหาวิทยาลัย สอนเรื่องการแต่งกาย แต่ไม่ต้องห่วงว่าน้องจะโดนลงโทษ เพราะหลายแห่งกฎของห้องเชียร์ไม่สามารถลงโทษน้องได้ แต่จะไปลงโทษกับพี่ปีสองที่ดูแลน้อง ๆ (เห็นไหมกดดันสุด ๆ เพราะฉะนั้นร้องเพลงให้ดังเข้าใจไหม พี่ปวดเข่า)
ใครอยากเป็นดาวและเดือนของคณะแต่ไม่มารับน้องนี้คือพลาดมาก! เพราะการรับน้องนี้ เป็นเวทีที่จะมีแมวมอง (ที่ชอบหลบตามพุ่มไม้) มาคอยส่องว่าเด็กคนไหนหน้าตาดี มีบุคลิกภาพที่ดีเหมาะสมกับการเป็นตัวแทนของคณะ ซึ่งการประกวดจะมีความเข้มข้นตามวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยนั้น อาจจะมีการประกวดของภาควิชาก่อน แล้วค่อยมาประกวดคณะ แต่ลาภใดเล่าจะเท่ามีเพื่อนเป็นดาวและเดือน เพราะอะไรหน่ะหรอ ก็ได้ส่องคนหน้าตาดีทุกวันไงหล่ะ อิอิ
บอกเลยในวันสุดท้ายของเทศกาลรับน้อง ในหลายมหาวิทยาลัยจะให้น้อง ๆ ปีหนึ่งแสดงศักยภาพในการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันผ่านการแสดงที่เป็นฝีมือของน้อง ๆ เอง ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้นำเชียร์ การเต้นสันทนาการ การร้องเพลงของมหาวิทยาลัย เพลงของคณะ และที่สำคัญคือการบูม ซึ่งในบางมหาวิทยาลัยก็มีความจริงจังถึงขั้นประกวดระหว่างคณะกันเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ในรุ่นของน้อง ๆ เป็นความทรงจำในวัยเฟรชชี่ที่ไม่สามารถลืมได้
นี้คือทั้งหมดของภาพรวม ในกิจกรรมรับน้อง จะเห็นได้ว่ากิจกรรมรับน้องไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แถมยังได้เพื่อน พี่ และประสบการณ์ที่ดีที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องห้ามพลาด ในด้านการรับน้องที่สร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีความเห็นอกเห็นใจและการเข้าใจกันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง หากรุ่นพี่เข้าใจในจุดมุ่งหมายของกิจกรรม และรุ่นน้องเข้าใจพร้อมยอมรับกิจกรรมที่พี่ ๆ ทำให้ การรับน้องแบบโหด ๆ ก็จะหายไป เหลือเพียงความทรงจำที่ดีระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเฟรชชี่มีดีแค่ครั้งเดียว กิจกรรมรับน้องต้องห้ามพลาด!!
เรื่อง : ศิรศักดิ์ ชัยสิทธิ์