Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา
Education > TCAS > บทความ
ศธ.เสวนาเตรียมความพร้อมปรับชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษเป็น 5 ชม./สัปดาห์

  Favorite

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) - นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ม.ล.ปริยดา ดิศกุล ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเสวนาในการเตรียมความพร้อมครูภาษาอังกฤษระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 "เพื่อรองรับหลักสูตรที่ปรับจำนวนชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษจาก 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็น 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์" เมื่อวันพุธที่ 1 มิถุนายน 2559 ณ ห้องประชุม สพฐ.1 โดยมี ดร.ยุวดี อยู่สบาย ผู้อำนวยการสถาบันภาษาอังกฤษ สพฐ., ศึกษานิเทศก์, ครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ตลอดจนครูแกนนำที่ผ่านการอบรมภาษาอังกฤษจาก English Boot Camp เข้าร่วมระดมความคิดเห็นในการเสวนาครั้งนี้

 




รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การเสวนาในครั้งนี้เป็นการระดมความคิดเห็นจากครูภาษาอังกฤษและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนรายวิชาภาษาอังกฤษในสถานศึกษา เพื่อกำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอนรายวิชาภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในการเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 จาก 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็น 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และการจัดตั้งศูนย์ภาษาอังกฤษทั้ง 4 ศูนย์ในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับจากครูภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็น ในขณะที่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาด้านภาษาอังกฤษของเด็กไทยยังไม่ดีเท่าที่ควร จึงจำเป็นต้องพัฒนาความสามารถด้านภาษาอังกฤษของเด็กไทย โดยเริ่มจากการเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนจาก 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็น 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
 

การเสวนาครั้งนี้ ได้กำหนดรูปแบบและเนื้อหาที่จะทำการสอนภาษาอังกฤษ 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนี้
 

ชั่วโมงที่ 1 นำเทคโนโลยีมาใช้ในการสอนภาษาอังกฤษ เช่น การนำอินเทอร์เน็ตหรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ มาใช้
ชั่วโมงที่ 2 เน้นภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (Functional English)
ชั่วโมงที่ 3 จัดการเรียนการสอนโดยใช้หนังสือ เช่น อ่านนิทานภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
ชั่วโมงที่ 4 เน้นให้เด็กรู้คำศัพท์อย่างน้อยวันละ 5 คำ เพราะการมีคลังคำศัพท์จำนวนมากจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กเช่นกัน โดยจะมีการกำหนดชัดเจนว่าในแต่ละระดับชั้นจำเป็นต้องรู้คำศัพท์กี่คำ อาทิ นักเรียนชั้น ป.1-ม.6 ต้องเรียนรู้คำศัพท์ระดับชั้นละ 1,000 คำ เมื่อนักเรียนจบการศึกษาชั้น ม.6 ควรรู้คำศัพท์รวมแล้ว 12,000 คำ ซึ่งเราจะไม่ยัดเยียดให้เด็กท่องคำศัพท์ แต่จะใช้วิธีการต่าง ๆ ให้เด็กจำคำศัพท์ได้ เช่น การดูหนังและการฟังเพลง เป็นต้น
ชั่วโมงที่ 5 เป็นชั่วโมงซ่อมเสริมผู้ที่เรียนอ่อนภาษาอังกฤษ ส่วนคนที่เก่งแล้วจะมีกิจกรรมให้เรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น การดูการ์ตูนหรือภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กเก่งมากขึ้น ทั้งนี้ครูผู้สอนอาจสอดแทรกเนื้อหาด้านไวยากรณ์ในชั่วโมงสอนด้วย อีกทั้งสามารถปรับหรือสลับเนื้อหาในชั่วโมงที่สอนได้ตามความเหมาะสมตามบริบทของโรงเรียนและนักเรียนในชั้นเรียน

 



นอกจากนี้ ได้มีการเตรียมอบรมครูผู้สอน ณ ศูนย์ภาษาอังกฤษในภูมิภาคทั้ง 4 ศูนย์ทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาครูผู้สอนภาษาอังกฤษให้เพียงพอกับจำนวนชั่วโมงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายการเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษจะนำมาทดลองใช้กับหลักสูตรใหม่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ในโรงเรียนที่มีความพร้อม โดยจะพยายามให้มีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ รวมถึงโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐด้วย จากนั้นจะเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนทั่วประเทศให้มากขึ้นในปีการศึกษา 2560
 

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า เราจะต้องมีตำราเรียนภาษาอังกฤษที่ดี เป็นระบบ และได้มาตรฐาน เพราะตำราเรียนมีความสำคัญและมีความเชื่อมโยงกับการจัดการศึกษาทั้งระบบ และส่งผลให้การศึกษาดีขึ้น อีกทั้งมีแนวคิดในการให้ครูแกนนำที่ผ่านการอบรมจาก English Boot Camp มาช่วยเขียนตำราภาษาอังกฤษ โดยมีอาจารย์มหาวิทยาลัยและผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติเป็นที่ปรึกษา ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการพยายามระดมทรัพยากรบุคคลที่มีในประเทศมาช่วยกันพัฒนาภาษาอังกฤษร่วมกัน 

Tags
Posted by
pimchanok pangsoy
ข่าวค่ายและกิจกรรม
ข่าวรับตรงล่าสุด
Follow us