Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา
Education > TCAS > บทความ
กรณีน่าศึกษา : แองเจลิน่า โจลี่ กับ ภาวะผู้นำ

  Favorite

เชื่อว่าหลายคนคงประหลาดใจ ที่เห็นรูปของดาราฮอลลีวูดชื่อดังนาม...แองเจลิน่า โจลี่ บนปกนิตยสาร Time ฉบับ May 27, 2013 พร้อมพาดหัวตัวโตว่า “The Angelina Effect” เพราะน้อยครั้งที่เรื่องราวของดารากลายมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจจนนิตยสารชื่อดังระดับโลกอย่าง Time Magazine หยิบยกมาเป็นปก


เนื้อหาที่เกี่ยวเนื่อง (Cover Story) ภายในเล่มพูดถึงข่าวคราวของแองเจลิน่าที่ตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธถึงความกล้าหาญของเธอในการออกมาประกาศให้โลกได้รับรู้ว่าเธอได้ทำการ “ตัดหน้าอก” ออกไปแล้วเพื่อป้องกันการเป็นมะเร็งเต้านมในอนาคตซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้สามารถหาอ่านได้เพิ่มเติมจากหนังสือพิมพ์หรือเว็ปไซด์ทั่วไป แต่สิ่งที่อยากเล่าให้ฟังคือ...ภาวะผู้นำของเธอ


เวลาพูดถึงภาวะผู้นำ เรามักหมายถึงความสามารถในการโน้มน้าวใจคน (Ability to Influence others) และถ้าให้นึกถึงผู้นำเป็นตัวบุคคลที่สามารถโน้มน้าวใจคนจำนวนมากได้เรามักนึกถึงผู้นำในเชิงของการปกครองหรือการบริหารจัดการมากกว่าแต่วันนี้อยากเชิญชวนทุกท่านมองถึงภาวะผู้นำในอีกแง่มุมหนึ่ง


ภาวะผู้นำในกรณีนี้ เป็นภาวะผู้นำที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้นำที่มีอิทธิพลต่อคนอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้ตามยกตัวอย่างกรณีของแองเจลิน่า โจลี่ ที่เธอแสดงบทผู้นำได้อย่างน่าสนใจและน่าศึกษา


พฤติกรรมการแสดงออกถึงภาวะผู้นำของแองเจลิน่านั้น สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นสำคัญ ๆ คือ...

1. แองเจลิน่ากล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่เจ็บปวด (Confront the brutal fact) พร้อมที่จะสู้กับข่าวร้ายโดยไม่พยายามเฉไฉกลบเกลื่อนว่าเธอมียีนที่สามารถกลายพันธุ์ไปเป็นมะเร็งได้และทำให้เธอมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งเต้านม ถึง 87%


2. เธอกล้าที่จะตัดสินใจในเรื่องยากๆ ได้อย่างน่าชื่นชม (Make tough & unpopular decision) เพราะในฐานะผู้หญิงการตัดสินใจตัดเต้านมออกเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากอย่าลืมว่าสำหรับผู้หญิงแล้วหน้าอกเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอมั่นใจในความ เป็นหญิง


ผมเคยอ่านข่าวเกี่ยวกับคนที่เป็นมะเร็งเต้านมและต้องตัดหน้าอกทิ้งหลายคนสูญเสียความมั่นใจในตนเอง บางคนถึงกับไม่กล้าออกจากบ้านเลยทีเดียว


แต่เธอยอมตัดเพียงเพื่อป้องกัน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นมะเร็งเลยนอกจากนั้นเธอยังยืนยันขันแข็งว่า “การตัดเต้านมไม่ทำให้รู้สึกว่าความเป็นหญิงของเธอลดน้อยลงเลย”


3. เธอกล้าที่จะออกมาบอกตรงๆ (Be authentic) ในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องบอกใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแองเจลิน่า โจลี่เป็นดาราฮอลลีวูดที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญ การที่เธอออกมาประกาศให้โลกได้รับรู้นั่นหมายถึงความก้าวหน้าทางอาชีพการงานของเธออาจถูกทำลายไปได้ ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคงไม่มีใครกล้าออกมาป่าวประกาศเรื่องราวเช่นนี้ให้คน อื่นได้รับรู้อย่างแน่นอน


ทั้งสามข้อนี้...เป็นพฤติกรรมที่เธอตั้งใจทำ เป็นพฤติกรรมของผู้นำที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน


แต่ถ้าลองมองให้ลึกซึ้งกว่านี้ ยังมีอีกมุมที่เธออาจไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น คือการที่พฤติกรรมของเธอกลับมีอิทธิพลต่อคนอื่น ๆ จนทำให้บางคนสนใจและอยากทำตาม !


เชื่อไหมในวงการแพทย์ (อย่างน้อยที่อเมริกา) ตั้งแต่มีข่าวของแองเจลิน่าออกมาพบว่าผู้หญิงหลายคนหันมาสนใจตรวจมะเร็งทรวงอกกันมากยิ่งขึ้นซ้ำร้ายกว่านั้นบางคนตัดสินใจปรึกษาแพทย์ถึงความเป็นไปได้ที่จะตัดเต้านมของเธอเพื่อป้องกันมะเร็งทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เป็น มากขึ้นอย่างน่าตกใจ


บางคนอาจสงสัยว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นทำไมพฤติกรรมของผู้หญิงคนหนึ่งจึงสามารถโน้มน้าวใจคนให้ทำตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ


รู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอคลอดลูกคนแรกในปี 2006 และตั้งชื่อให้ลูกว่า Shiloh ชื่อนี้ได้รับความนิยมขึ้นมาทันที จากการจัดอันดับชื่อเด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกาชื่อ Shiloh เข้าสู่ทำเนียบเป็นอันดับที่ 803 ในปี 2007 ขยับมาเป็นอันดับที่ 650 ในปี 2008 ก่อนที่จะขยับอีกทีมาอยู่อันดับที่ 604 ในปี 2009 ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ชื่อ Shiloh ไม่เคยติดอันดับทำเนียบชื่อยอดนิยมมาก่อนเลย


พอปี 2008 เธอคลอดลูกอีกคนและตั้งชื่อว่า Vivienne ปรากฎว่าในปี 2009 ชื่อ Vivienne กลายเป็นชื่อเด็กที่มีคนเลือกติดอันดับ Top1000 ทั้งๆ ที่ย้อนหลังกลับไปจนถึงปี 1930 ชื่อ Vivienne ยังไม่เคยติดโผเลย


นี่คงพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่แองเจลิน่า โจลี่ทำ มีอิทธิพลต่อคนอื่นมากเพียงใด !

• บทสรุป

เรื่องของแองเจลิน่า โจลี่ ทำให้เราได้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้นำเป็นสิ่งสำคัญและมีอิทธิพลต่อผู้ตามมากเพียงใดเธอไม่ได้เป็นผู้นำโดยตำแหน่งหน้าที่ เธอไม่มีอำนาจที่จะบีบบังคับให้ใครทำอะไรแต่เธอคือผู้นำในใจของใครหลาย ๆ คนที่พร้อมจะทำตามเธออย่างไม่คลางแคลงสงสัย


หากมองย้อนกลับมาดูผู้นำภายในองค์กรก็คงไม่ต่างกันพฤิตกรรมหลายอย่างที่ผู้นำทำ มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของพนักงานด้วยหลายอย่างที่ผู้นำพร่ำสอน หลายเรื่องที่องค์กรพยายามปลูกฝังอาจไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวังเพียงเพราะพฤติกรรมของผู้นำไม่สอดคล้องกับสิ่งที่กำลังพยายามสร้างอยู่


ดังนั้นสุภาษิตที่ว่า “การกระทำย่อมดังกว่าคำพูด”(Action is louder than words) ยังคงเป็นจริงในทุกยุคทุกสมัย


เพราะฉะนั้น...อย่าประมาทและคิดไปเองว่า “ไม่เป็นไร” เชื่อไหมว่า “สิ่งที่ผู้นำทำดังกว่าสิ่งที่ผู้นำพูด” จริงๆ...ชนิดที่หลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ดูกรณีของแองเจลิน่า โจลี่เป็นตัวอย่าง เธอ “นำ” แม้ได้ไม่เป็น “ผู้นำ” ด้วยซ้ำ !

 

Credit : อ.อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
กรรมการผู้จัดการ Orchid Slingshot

Tags
Posted by
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
ข่าวค่ายและกิจกรรม
ข่าวรับตรงล่าสุด
Follow us