ร.๕ กับงานพัฒนาเร่งด่วน
วันปิยมหาราชจะเวียนมาถึงในวันที่ ๒๓ ตุลาคมนี้ ความสำคัญของวันนี้คือเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยอันสืบเนื่องมาจากคุณูปการที่ทรงมีต่อพสกนิกรและชาติบ้านเมืองมากมายมหาศาล ซึ่งประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม
ถ้าจะกล่าวถึงคุณูปการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อประชาชนและชาติบ้านเมือง ส่วนใหญ่จะนึกถึงเรื่องที่ทรงเลิกทาสก่อนเรื่องอื่น เพราะอิสรภาพเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ แต่การเลิกทาสซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจเด่นที่สุดนี้ ยังเป็นเพียงส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในกระบวนการพัฒนาคน ของพระองค์ท่านเท่านั้น เพราะยังจะต้องมีการเพิ่มเติมในด้านอื่นๆ ให้สมบูรณ์อีก เช่นเรื่องการศึกษา เรื่องของสุขอนามัย ความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมเป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้ชาติตะวันตกที่กำลังแสวงหาอาณานิคมเห็นว่าคนไทยและเมืองไทยมีความเจริญทัดเทียมกับอารยประเทศ และไม่สามารถใช้เป็นเงื่อนไขเข้ารุกราน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมครั้งนี้เป็นพระราชภารกิจที่หนักยิ่ง มีลำดับเหตุการณ์พอเป็นตัวอย่างดังนี้
การศึกษา เป็นเครื่องมือโดยตรงทางหนึ่งในการผลิตคนที่มีความรู้ความสามารถตามแบบแผนตะวันตก ดังนั้นการศึกษาระบบโรงเรียนจึงเริ่มขึ้น ในพระบรมมหาราชวังก่อนได้แก่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ โรงเรียนสราญรมย์หรือโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสวนนันทอุทยานเป็นต้น มีเป้าหมายในการเรียนการสอนเพื่อฝึกหัดกุลบุตรของพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางชั้นสูงที่ถวายตัวเพื่อรับราชการชั้นสัญญาบัตร ได้ดำเนินการควบคู่กันไปกับการส่งนักเรียนไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อกลับมารับราชการแทนชาวตะวันตกที่ทรงว่าจ้างให้ทำราชการในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในปี ๒๔๒๗ ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนวัดมหรรณพารามขึ้น เนื่องจากทรงเห็นว่า การเรียนหนังสือแผนใหม่จากพระสงฆ์ในวัด จะทำให้คนมีทั้งความรู้ และมีคุณธรรม จริยธรรมตามพระพุทธศาสนาด้วย จากนั้นในปี ๒๔๔๒ ก็ได้ขยายการศึกษาออกไปยังหัวเมือง โดยวัดยังมีบทบาทในการจัดการเรียนการสอนเหมือนเดิม และมีข้าราชการมหาดไทยในหัวเมืองเป็นผู้คอยช่วยเหลือด้านการเงินและด้านธุรการ การศึกษาก็ค่อยขยายตัวกว้างขึ้น ๆ พร้อมกันนั้นก็มีการถ่ายทอดเนื้อหาความรู้จากตะวันตกผ่านตำรา อันมีส่วนในการสร้างทัศนคติต่อคนไทยให้ยอมรับวัฒนธรรมตะวันตกมาสร้างความเจริญในชาติอย่างไม่ขัดแย้ง ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จอันนื่องมาจากการปฏิรูปทางการศึกษา
การเปลี่ยนแปลงประเพณี เป็นอีกพระราชกรณียกิจหนึ่งที่ทรงกระทำเพื่อยกฐานะของคนไทยให้ทันสมัยแบบนานาอารยประเทศ ประกอบด้วย
- ทรงยกเลิกประเพณีการหมอบ คลานเข้าเฝ้าฯ ให้นั่งและยืนได้ตามโอกาส ต่อมาให้นั่งเก้าอี้ ซึ่งได้ถือเป็นประเพณีมาจนถึงปัจจุบัน
- ทรงเปลี่ยนแปลงประเพณีการไว้ผมและการแต่งกายของคนไทยเสียใหม่ จากที่ผู้ชายเคยไว้ผมทรงมหาดไทย ก็ให้ตัดเกรียนทั้งศีรษะ หรือไม่ก็ไว้ยาวเล็กน้อยเสมอกันทั้งศีรษะได้ ที่เคยนุ่งโจงกระเบนก็เปลี่ยนเป็นนุ่งกางเกง สวมเสื้อเชิร์ต มีผ้าผูกคอหรือเสื้อนอก ส่วนผู้หญิงก็ให้เลิกไว้ผมปีก มาไว้ผมยาวและผมทรงดอกกระทุ่ม สวมเสื้อแพรยาวกรอมแขนหรือเสื้อแขนสั้นคอเปิด แต่นุ่งโจงกระเบนหมือนเดิม ทั้งยังทรงแนะราษฎรซึ่งปกติกินหมากกันจนฟันดำ ให้ขัดฟันให้ขาวโดยให้ฝ่ายในทำเป็นตัวอย่าง
- โปรดให้ใช้ปฏิทินทางสุริยคติตามแบบสากล และให้ใช้รัตนโกสินทร์ศกแทนคำว่าจุลศักราชที่ใช้อยู่เดิม
- ทรงเปลี่ยนแปลงแก้ไขประเพณีสืบราชสันตติวงศ์ โดยให้เลิกตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งแต่เดิมเป็นตำแหน่งของผู้สืบราชสมบัติ และโปรดเกล้าฯ ให้มีตำแหน่งพระบรมโอรสาธิราช ดำรงสิทธิในการสืบราชสมบัติต่อไปได้ขึ้นมาแทน
- ทรงยกเลิกประเพณีโกนหัวเมื่อพระมหากษัตริย์สวรรคต ให้มีการไว้ทุกข์ตามโบราณราชประเพณีอย่างเดียว
คุณภาพชีวิตของประชาชน ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมากในรัชกาลนี้ ทรงส่งเสริมให้มีการตั้งโรงไฟฟ้า-ประปา เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ มีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค ทรงกวดขันเรื่องความสะอาดของสภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันโรคระบาด มีการตรา พรบ. ธรรมเนียมคลองขึ้นเพื่อควบคุม ได้แก่การห้ามทำเว็จลงในคลอง ห้ามทิ้งซากสัตว์หรือสิ่งปฏิกูลลงในคลอง ห้ามปลูกสร้างบ้านหรือเพิงรุกล้ำคูคลองหรือแนวถนน ห้ามขีดเขียนตามกำแพงและสถานที่ต่างๆ เป็นต้น พระบรมราโชบายนี้ นับเป็นต้นกำเนิดของเทศบาลนครกรุงเทพและกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังได้ทรงนำวิทยาการแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาปรับใช้ในกิจการแพทย์ด้านต่างๆ ของไทย เช่นจัดตั้งศิริราชพยาบาลและตั้งกรมพยาบาลในปี ๒๔๒๙, จัดตั้งโรงเรียนสอนวิชาแพทย์ขึ้นเพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์, ให้หมอหลวงประชุมคิดยาขึ้น ๘ ขนานสำหรับใช้รักษาโรคที่ราษฎรมักเป็นกันอยู่เสมอ เช่นปวดหัว ปวดท้อง สำหรับแจกจ่ายหรือจำหน่ายที่โอสถศาลาด้วยราคาถูก ยานี้เรียกว่ายาโอสถสภา, จัดทำกฏหมายลงโทษผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการอนามัยของประชาชนเช่น ความผิดในการปลอมปนเครื่องอาหาร เครื่องยา การทิ้งของโสโครกในเขตชุมชน การขายสุราให้เด็กที่อายุต่ำกว่า ๑๔ ปี มีการออกประกาศห้ามสูบฝิ่นและการผสมฝิ่นเป็นยา ออก พรบ.กำหนดโทษผู้ทำฝิ่นเถื่อน จนในที่สุดก็ทรงยกเลิกโรงฝิ่น เมื่อปี ๒๔๕๓
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยทรงจัดตั้งกรมกองตระเวนและกรมตำรวจภูธรขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งในพระนครและภูมิภาค กิจการตำรวจนี้ ระยะแรกใช้ฝรั่งเป็นเจ้ากรมและผู้บังคับบัญชาในหัวเมือง และจ้างแขกสิกข์เป็นพลตระเวณ ต่อมาจึงฝึกคนไทยเข้าทำการแทน
การคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้ำ และการสื่อสาร ได้รับการปรับปรุงอย่างจริงจังทุกด้าน โดยภาพรวมก็คือในรัชกาลนี้มีการสร้างถนน สะพาน สร้างทางรถราง ทางรถไฟ และสั่งยานพาหนะต่างๆ เข้ามาใช้ในบ้านเมือง มีการขุด และซ่อมแซมคูคลองต่างๆ มีการทำประตูระบายน้ำ ทำเขื่อนกั้นน้ำ และเขื่อนกันตลิ่งพัง เพื่อประโยชน์ในการสัญจรไปมา การทำไร่-ทำนา และการค้า มีการก่อตั้งกิจการไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ วิทยุโทรเลข ซึ่งกิจการคมนาคมที่ทรงสร้างขึ้นอย่างทันสมัยทัดเทียมกับอารยประเทศนี้ นอกจากจะทำให้การปกครอง การดูแลหัวเมืองทำได้ใกล้ชิดขึ้นขึ้นแล้ว การติดต่อกับมหาอำนาจตะวันตกก็ทำได้คล่องตัวขึ้น เป็นผลดีในแง่ของการเจรจาความเมือง ถือเป็นปัจจัยสำคัญทีเดียวที่ทำให้ไทยรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก
เศรษฐกิจ มีผลต่อความมั่นคงของประเทศอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดเก็บภาษีอากรและผลประโยชน์ต่างๆ ให้รัดกุมขึ้น รวมทั้งทรงจัดระเบียบการคลังใหม่ด้วย ทำให้มีรายได้ของแผ่นดินมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
การปกครอง แบบเก่า ที่การปฏิบัติงานยังก้าวก่ายและปะปนกัน ถูกพิจารณาแก้ไขนับตั้งแต่ปี ๒๔๑๖ ที่ทรงบรรลุนิติภาวะและรับบรมราชาภิเษกครั้งที่ ๒ เป็นต้นมา ได้แก่ทรงตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (Council of State) ให้มาช่วยคิดทะนุบำรุงบ้านเมือง ทรงตรา พ.ร.บ. ประกาศตั้งสภาองคมนตรี (Privy Council) คือที่ปรึกษาในพระองค์ ทรงตั้งเสนาบดีใหม่ขึ้นว่าการแต่ละกระทรวง และปรับปรุงแก้ไขกระทรวงต่างๆ ตลอดจนเรื่องการปกครองหัวเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการตั้งเป็นมณฑลเทศาภิบาลรวม ๑๘ มณฑล มีสมุหเทศาภิบาลควบคุมดูแล จากนั้นจึงแบ่งออกเป็นจังหวัด อำเภอ ตำบลและหมู่บ้านตามลำดับ การปกครองท้องถิ่นก็มีการจัดตั้งสุขาภิบาลหัวเมืองขึ้น แห่งแรกคือที่ตำบลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาครเมื่อปี ๒๔๔๘ และ พ.ร.บ.จัดการสุขาภิบาลตามหัวเมืองต่างๆ พ.ศ. ๒๔๕๐ เพื่อชักนำให้ประชาชนได้ทดลองใช้การปกครองแบบเทศบาลเหมือนกับต่างประเทศ มีผู้ว่าราชการเมือง มีนายอำเภอเป็นผู้นำประชาชนในท้องถิ่น ดำเนินการรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง มีการจัดบำรุงทางบก ทางน้ำ และท่าเทียบเรือ ตลอดจนเรื่องแสงสว่าง ด้วยค่าใช้จ่ายจากเงินในท้องถิ่น ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกิจการสุขาภิบาล การหารายได้ และการดำเนินงาน การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าทรงมีพระราชประสงค์ที่จะปลูกฝังลัทธิประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน
ยกพระราชกรณียกิจต่างๆ มาดังนี้ ก็เพื่อให้คนไทยในรุ่นหลังได้เข้าใจว่า เป็นเพราะเหตุใดพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงเป็นที่รักยิ่งของประชาชน อนุสรณ์แห่งความรักเคารพ ก็ยังมีอยู่ให้คนรุ่นหลังไปถวายสักการะจนทุกวันนี้ เช่นพระบรมรูปทรงม้าขนาดโตกว่าพระองค์จริง ที่ประดิษฐาน ณ ลานพระราชวังดุสิต นั่นก็ชาวสยามในสมัยนั้นได้พร้อมใจกันจัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นเครื่องประกาศเกียรติคุณในวโรกาสที่ทรงครองราชย์ครบ ๔๐ ปี พระบรมรูปทรงม้านี้ปั้นโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส และหล่อที่กรุงปารีส ที่ฐานของแท่นโดยรอบนอกจากจะมีตัวอักษรจารึกบนแผ่นทองบรอนซ์พรรณาถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีแก่ปวงชนชาวไทยโดยย่อแล้ว ยังได้ถวายพระนามจารึกไว้ด้วยว่า “ปิยมหาราชาธิราช” ซึ่งแปลว่า “พระราชาผู้ยิ่งใหญ่อันเป็นที่รักของราษฎร”
ในโอกาสที่วันปิยมหาราชเวียนมาถึง พวกเราชาวไทยควรพร้อมใจกันถวายสักการะและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน
ที่มา - หนังสือสองพระมหาราชนักพัฒนา ของ สวทช.
- วารสารวัฒนธรรมไทย ต.ค.- พ.ย. ๒๕๔๔
ข้อมูลจาก บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท เรื่อง "พระปิยมหาราช" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ