พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป)
ในขณะที่วันที่ 25 พ.ย. เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.6 วันที่ 25 พ.ย. ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของข้าราชบริพารผู้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในการถวายความเห็นเกี่ยวกับศัพท์ที่ใช้ในบทละครเรื่องมัทนะพาทา ทั้งยังเป็นผู้เสนอคำที่ใช้ขนานพระนามว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ด้วย ท่านผู้นี้คือ พระสารประเสริฐ
ถ้ากล่าวเพียงแค่นี้ คนรุ่นหลัง ๆ อาจสับสนว่าเป็นบรรดาศักดิ์ของผู้ใหญ่ท่านใดกัน เพราะข้าราชบริพารใน ร.6 ที่มีความสามารถย่อมมีอยู่หลายท่าน แต่ถ้ากล่าวถึงนามปากกา “เสฐียรโกเศศ – นาคะประทีป” ทุกคนย่อมรู้จักดีเพราะทั้งสองท่านนี้มีผลงานที่สร้างสรรค์ไว้ร่วมกันเป็นวรรณกรรมชั้นเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นหิโตปเทศ กถาสริตสาคร นิยายเบงคลี ทศมนตรี ลัทธิของเพื่อน เรื่องรามเกียรติ์ และงานชิ้นสุดท้ายที่โด่งดังมาก ๆ คือกามนิต “เสฐียรโกเศศ” เป็นนามปากกาของพระยาอนุมานราชธน ส่วนนาคะประทีป เป็นนามปากกาของพระสารประเสริฐซึ่งท่านมีชื่อจริงว่า “ตรี นาคะประทีป” ผู้ซึ่งเมื่อเรียนจบชั้น 6 จาก รร.มัธยมศึกษาสวนกุหลาบแล้วท่านก็บรรพชาเป็นสามเณร ศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาบาลีและสันสกฤต มีความสามารถในการใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องและสละสลวย เขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนได้อย่างเลื่องชื่อ และสอบได้เปรียญ 7 ประโยค ตั้งแต่ยังเป็นสามเณรอายุเพียง 18 ปี
นอกจากจะเป็นผู้สร้างสรรค์วรรณกรรมที่มีคุณค่ามาก และเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดในการทรงงานพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ ร.6 อย่างที่กล่าวมาแล้วสิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นแบบอย่างสำหรับคนรุ่นหลัง คือ การอบรมเลี้ยงดูบุตรของท่าน ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือสยามรัฐฉบับบุคคลดีเด่นในสยาม ปี 2535 ในการที่ท่านได้สอดแทรกวิธีคิด หรือแนวคิดจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว อย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยตลอดเวลาได้เน้นย้ำให้เป็นผู้ยึดความมีคุณธรรม และศีลธรรมอยู่เสมอ ตั้งแต่เล็กก็สอนวิธีพูดที่ถูกต้อง สอนภาษาไทยด้วยการเขียนนิทานให้อ่านโดยค่อย ๆ เพิ่มความสนุกความซับซ้อนในเนื้อหามากขึ้นตามลำดับอายุ เติบโตขึ้นก็มีแนวคิดจากธรรมชาติแวดล้อม เช่น ในยามพักผ่อน เดินดูดอกไม้ ด้วยกัน เมื่อดูบัวก็จะกล่าวชี้ชวนให้คิดว่า “บัวเป็นพันธุ์ไม้ประเสริฐ มีดอกมาให้บูชาพระ เมื่อเริ่มเหี่ยวนำไปตากแดดให้แห้งสนิทแล้วปรุงยาได้ ฝักให้เมล็ดรับประทานได้ทั้งอ่อนและแก่ ใบอ่อนใช้รับประทาน ใบแก่ใช่ห่อของ ก้าน ราก และเหง้า มีประโยชน์ทั้งนั้น ดอกทุกดอกเมื่อโผล่ขึ้นมาก็ชูขึ้นเหนือน้ำเป็นนิจ ลูกจงเป็นผู้สวยด้วยศีลธรรมพยายามทำตัวให้ดีเด่นเช่นดอกบัว จะเป็นบัวหลวงหรือบัวที่ใช้สายมาปรุงอาหาร ดอกก็ชูเหนือน้ำทั้งนั้น” เมื่อดูดาว ก็แนะนำให้ดูลักษณะและความงามของดาวพร้อมทั้งสอนว่า “ขอให้ลูกทำตัวให้ดีเด่นดังดวงดาว ชอบทางไหนก็ทำตนให้ดีเด่นไปในทางนั้นจนได้ มีศีลธรรมประจำใจเหมือนดาวแต่ละดวงที่เรืองแสงสุกใสในตัวเอง แสงจันทร์เพ็ญ หรือแสงอาทิตย์แรงกล้าก็ไม่อาจเลือนแสงดาวอันนิรันดร์ ดาวไม่เคยดับ โคจรตามทิศทางของดาวอย่างสม่ำเสมอไม่มีชะงักหักเห” ในเรื่องของการพูดการเขียนก็อบรมอยู่เสมอว่า “จะพูดหรือเขียนถึงอะไร ให้เรื่องนั้น ปรากฎออกมาให้กระจ่าง จะฟังวันนี้หรืออีกหลายสิบปีก็รู้เรื่อง”
บ้านเมืองของเรานี้มีนักปราชญ์ – ราชบัณฑิต อยู่มาก เราจึงควรยกย่องเชิดชูเกียรติคุณของท่านเหล่านั้นให้เป็นที่ประจักษ์ โดยนอกจากจะเป็นศักดิ์ศรีของชาติแล้ว เยาวชนรุ่นหลังจะได้ถือเป็นแบบอย่างในการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีคุณค่า เป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมืองต่อไปดังเช่น การนำเสนอเรื่องราวของพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ในครั้งนี้
เรียบเรียงจาก - พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ในความทรงจำของลูกสาว : สยามรัฐ ฉบับบุคคลดีเด่นในสยาม : 2535
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษ ประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป)" ผลิตโดย ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ งานบริการการผลิต ฝ่ายออกอากาศวิทยุ กรุงเทพ