S + is/am/are + V~ing

Present Continuous Tense หรือ Present Progressive Tense ใช้ในกรณีต่อไปนี้

1. กำลังทำหรือกำลังเกิดขึ้นขณะที่พูด เช่น

I am working.
They are sitting in the garden now.
He’s laughing.
Don’t go out now! It’s raining.
Hurry up! The bus is coming.
Please be quiet! I’m studying.
The living cost in Bangkok is going higher and higher.

*เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น 2 เหตุการณ์พร้อมกัน มักใช้กับคำเชื่อม while, whereas, at the same time เช่น

While Jennifer is watching YouTube, Lucy is talking on the phone.
(ในขณะที่เจนนิเฟอร์กำลังดูยูทูป, ลูซี่ก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่)

2. ทำเป็นประจำในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น

This semester I am studying at British Council.

3. พูดถึงเหตุการณ์ที่พัฒนาขึ้น เช่น

His English is progressing.

4. ใช้ในความหมายของกำหนดการหรือแผนการในอนาคต เช่น

He is getting married next month.

5. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ซ้ำๆ ซากๆ จนน่าเบื่อ เช่น

He is always asking the same questions.

ตัวอย่างรูปประโยค

ประโยคบอกเล่า

S + is/am/are + V~ing
S + ’s/’m/’re + V~ing

It’s snowing now.
The children are doing their homework.
She’s wearing a hat.
We’re having dinner now.
He’s waiting for a bus.

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคบอกเล่ามี V.to be อยู่แล้ว เราสามารถเปลี่ยนให้เป็นประโยคปฏิเสธได้โดยการเติม not หลัง V.to be ดังนี้

S + is/am/are + not + V~ing
S + ’s/’m/’re + not + V~ing

They are not playing in the park.
You’re not listening to me.
It’s not raining.
I’m not wearing shoes.

ประโยคคำถาม    

ประโยคบอกเล่ามี V.to be อยู่แล้ว เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถามให้เอา V.to be ขึ้นต้นประโยคได้เลย และเรียงลำดับคำ ดังนี้

is/am/are + S + V~ing    

Are you listening to me?
Is she working today?
Is it raining?

*คำถามที่ขึ้นต้นด้วย V.to be นั้นถือเป็น Yes/No Question ดังนั้นต้องตอบด้วย yes หรือ no เท่านั้น เช่น

Are you going now?     Yes, I am.
Is it snowing outside?     No, it isn’t.

ในกรณีที่ถามด้วย Question words ให้ขึ้นต้นประโยคด้วยคำแสดงคำถาม Wh~ แล้วตามด้วย V.to be ตามโครงสร้างประโยคคำถาม ดังนี้

Wh~ + is/am/are + S + V~ing

What are you doing?
Who are you waiting for?
Where’s she going?
Why are you crying?

*ไม่ว่าจะเป็นประโยคแบบใด กริยาในรูป Continuous นั้นจะต้องผันให้อยู่ในรูป V~ing เสมอ

กฎการเติม ~ing

1. กริยาส่วนใหญ่ เติม ~ing ต่อท้ายได้เลย เช่น

go ->  going
work ->  working
study ->  studying
rain ->  raining

2. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้ตัด e ออก แล้วเติม ~ing เช่น

type ->  typing
take ->  taking
make ->  making
drive ->  driving

3. กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ~ing ต่อท้ายได้เลย เช่น

see ->  seeing
agree ->  agreeing

4. กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ~ing เช่น

lie ->  lying
tie ->  tying

5. กริยาที่มี 1 พยางค์ ลงท้ายด้วยสระตัวเดียวและตัวสะกดตัวเดียว ให้ซ้ำตัวสะกดเพิ่มก่อนเติม ~ing เช่น

run ->  running
swim ->  swimming

6. กริยาที่มี 2 พยางค์ ลงท้ายด้วยสระตัวเดียวและตัวสะกดตัวเดียว ให้ซ้ำตัวสะกดเพิ่มก่อนเติม ~ing เช่น

begin ->  beginning
control ->  controlling

*Verb ต่อไปนี้เป็นกริยาแสดงสภาวะ ใช้ในรูป Present Continuous ไม่ได้ แต่มักใช้ในรูป Present simple ดังนี้

กริยาที่ใช้แสดงความคิดเห็น

know        รู้            understand    เข้าใจ
believe    เชื่อว่า            remember    จำได้
forget        ลืม            mean        หมายความว่า
want        ต้องการ        need        จำเป็น
doubt        สงสัย            realize        ตระหนักได้ว่า    

I don’t understand.
I want to go home.
Do you believe me?

กริยาที่ใช้แสดงความรู้สึก

like        ชอบ            love        รัก
hate        เกลียด            dislike        ไม่ชอบ
prefer        ชอบมากกว่า        mind        ไม่โอเค

I like you.
Jack loves Rose very much.

กริยาที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ

have        มี            possess    ครอบครอง
own        เป็นเจ้าของ        belong to    กลายเป็นของ

Have you got a job yet?
The islands belong to Spain.

กริยาที่ใช้แสดงสภาพการณ์

V.to be    เป็น/อยู่/คือ        seem        ดูเหมือนว่า    
look        ดูราวกับ        sound        ฟังดูราวกับ
appear    ปรากฏ            exist        คงอยู่
become    กลายเป็น        get        กลายเป็น
grow        กลายเป็น        owe        เป็นหนี้
contain    บรรจุ            depend    ขึ้นอยู่กับ

The floor is clean.
She seems very happy.
It sounds interesting.

*Verb ต่อไปนี้มี 2 ความหมาย ความหมายหนึ่งเป็น continuous ได้ ส่วนอีกความหมายหนึ่งเป็น continuous ไม่ได้

I’m having dinner.            I have a camera.            
She’s looking at the dog.        It looks delicious!
Are you feeling comfortable?    Can you feel the tension in this room?

*Verb ต่อไปนี้เป็น Continuous ไม่ได้

hear    ได้ยิน
see    เห็น

ถ้าอยากให้มีความหมายเป็น Continuous ให้เติม can ข้างหน้าคำเหล่านี้ เช่น

I can hear someone is talking.    ฉันได้ยินใครบางคนกำลังคุยกัน
I can see someone is running.    ฉันเห็นใครบางคนกำลังวิ่ง

Adverb of time

Adverb of time คือคำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา Adverb of time ที่แสดงความหมายว่ากำลังเกิดขึ้น ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ และมักปรากฏในรูปประโยค Present Continuous ได้แก่

now            ตอนนี้
right now        ตอนนี้        
at present        ตอนนี้
at the moment    ตอนนี้
at this moment    ตอนนี้
recently        ช่วงนี้
nowadays        ทุกวันนี้
still            ยังคง

Where are you living now?
She’s listening to the music right now.
The passengers are experiencing a moment of panic at the moment.
At this moment, no one is talking to me.
The price of gas is going up and up recently.
Are you still looking for a job?