พจน์ของคำนามมี 2 รูป ได้แก่ เอกพจน์ (Singular) และพหูพจน์ (Plural) คำนามที่นับจำนวนได้หรือ (นามนับได้) จะมีทั้งรูปเอกพจน์และรูปพหูพจน์ รูปเอกพจน์ใช้แทนหนึ่งหน่วย ส่วนรูปพหูพจน์ใช้แทนหลายหน่วย เช่น
a car = รถหนึ่งคัน เป็นเอกพจน์
two cars = รถสองคัน เป็นพหูพจน์
many cars = รถหลายคัน เป็นพหูพจน์
โดยทั่วไปแล้ว คำนามที่เป็นพหูพจน์จะเติม ~s เช่น books = หนังสือหลายเล่ม, vegetables = ผักหลายชนิด, tourists = นักท่องเที่ยวหลายคน, cups = หลายถ้วย, shops = หลายร้าน เป็นต้น แต่ในกรณีคำนามบางคำเมื่อเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์แล้ว การสะกดคำจะเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้
การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์
1. คำนามทั่วไป ให้เติม ~s ท้ายคำราม เช่น
boat -> boats (เรือหลายลำ)
orange -> oranges (ส้มหลายผล)
doctor -> doctors (หมอหลายคน)
2. คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x, z ให้เติม ~es ท้ายคำนาม เช่น
bus -> buses
address -> addresses
dish -> dishes
sandwich -> sandwiches
box -> boxes
topaz -> topazes
*คำยกเว้น monarchs (กษัตริย์)
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย o
3.1 ถ้าหน้า o เป็นพยัญชนะ ให้เติม ~es เช่น
potato -> potatoes
tomato -> tomatoes
3.2 ถ้าหน้า o เป็นสระ ให้เติม ~s เช่น
video -> videos
studio -> studios
*คำยกเว้น kilos, pianos, photos, memos, casinos, dynamos
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย y
4.1 ถ้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ~es เช่น
baby -> babies
city -> cities
4.2 ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ~s เช่น
day -> days
boy -> boys
5. คำนามที่ลงท้ายด้วย f, fe ให้เปลี่ยน f, fe เป็น v แล้วเติม ~es เช่น
leaf -> leaves
knife -> knives
*คำยกเว้น roofs, cliffs, proofs, chiefs, dwarf
6. คำนามต่อไปนี้เป็นรูปพหูพจน์เสมอ (คำนามที่มักจะมีสองข้าง สองชิ้น หรือหลายชิ้น)
scissors glasses shorts trousers jeans
pants tights pyjamas goods assets
arms goods belongings
7. คำนามที่ต้องเปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์
man -> men woman -> women
foot -> feet tooth -> teeth
child -> children ox -> oxen
mouse -> mice goose -> geese
cactus -> cacti octopus -> octopi
crisis -> crises (วิกฤต)
penny -> pennies (เหรียญเพนนี)
agenda -> agendum (วาระการประชุม)
alumn ->i alumnus (ศิษย์เก่า)
thesis -> theses (วิทยานิพนธ์)
hypothesis -> hypotheses (สมมติฐาน)
bacterium -> bacteria (แบคทีเรีย)
phenomenon -> phenomena (ปรากฏการณ์)
8. คำนามที่เอกพจน์และพหูพจน์เป็นรูปเดียวกัน
fish (ปลาตัวเดียว, ปลาหลายตัว)
sheep (แกะตัวเดียว, แกะหลายตัว)
deer (กวางตัวหนึ่ง, กวางหลายตัว)
salmon (ปลาแซลมอนหนึ่งตัว, ปลาแซลมอนหลายตัว)
series (ซีรีส์เรื่องหนึ่ง, หลายซีรีส์)
species (หนึ่งสปีชีส์, หลายสปีชีส์)
9. คำนามที่มีรูปแต่เป็นเอกพจน์แต่ถือว่าเป็นพหูพจน์
people police cattle
10. คำนามที่ถูกกำหนดให้เป็นเอกพจน์เสมอperson news ashes darts billiards
physics economics statistics politics mathematics
11. คำนามที่รูปเอกพจน์และรูปพหูพจน์มีความหมายต่างกัน
compass (เข็มทิศ) -> compasses (วงเวียน)
minute (นาที) -> minutes (รายงานการประชุม)
manner (อาการ) -> manners (มารยาท)
custom (ประเพณี) -> customs (ภาษีอากร)
12. นามผสม (compound noun) ให้เติม ~s ท้ายคำนามหลัก เช่น
runner-up -> runners-up
son-in-law -> sons-in-law
คำนามเหล่านี้เมื่ออยู่ในประโยค จะต้องอยู่ในพจน์ที่สอดคล้องกับคำอื่นๆ ในประโยค โดยเฉพาะคำกริยา เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ กริยาก็ต้องเป็นรูปเอกพจน์ เมื่อประธานเป็นพหูพจน์ กริยาก็ต้องเป็นรูปพหูพจน์ เช่น
The leaves are falling from the tree.
A woman is standing in front of a mirror.
These scissors aren’t very sharp.
Do the police carry guns in your country?
There are three people at the bus stop.