Pronunciation (การออกเสียงภาษาอังกฤษ) ได้แก่ การออกเสียงสระ การออกเสียงพยัญชนะ การออกเสียงท้ายคำ รวมไปถึงการเน้นเสียง การออกเสียงสูงต่ำ การเชื่อมเสียง ฯลฯ การออกเสียงภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง ชัดเจน เข้าใจง่าย จะทำให้เราสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
*การออกเสียงภาษาอังกฤษโดยทั่วไปที่พบบ่อยๆ จะมี 2 สำเนียง คือ แบบบริติชและแบบอเมริกัน ณ ที่นี้จะไม่อธิบายถึงรายละเอียดหรือความแตกต่างของสำเนียงทั้งสอง จะกล่าวถึงการออกเสียงภาษาอังกฤษที่จำเป็นโดยภาพรวมเท่านั้น โดยจะอธิบายเป็นภาษาไทยอย่างง่ายๆ ไม่มีการอ้างอิงถึง Phonetics (วิชาสัทศาสตร์) หรือ Phonemic symbols (ระบบสัญลักษณ์แทนเสียง) แต่อย่างใด ระบบดังกล่าวนั้น นักเรียนสามารถไปศึกษาเพิ่มเติมได้จากดิกชันนารีออนไลน์ทั่วไป
Vowels (สระ)
การสะกดคำในภาษาอังกฤษนั้นไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้การสะกดเป็นหลักในการออกเสียงคำต่างๆ ได้ทั้งหมด เสียงสระต่างๆ ที่ออกเสียงเหมือนกันในภาษาอังกฤษนั้นอาจสะกดด้วยตัวอักษรต่างกัน ซึ่งมีทั้งสระเดี่ยวและสระควบ ดังนี้
เสียงสระ “เอ”
say เซ
day เด
way เว
may เม
they เธ
take เทค
safe เซฟ
great เกร้ททึ
place เพลส
เสียงสระ “อี”
me มี
be บี
we วี
see ซี
key คี
fee ฟี
daily เด๊ลี
Pepsi เพ็พสิ
feel ฟีล
beef บีฟ
heat ฮีท
mean มีน
เสียงสระ “อาย”
I ไอ, อาย
my มาย
buy บาย
fly ฟลาย
cry คราย
ice ไอ๊ซ
island อ้ายแลนดึ
shine ชายนึ
night ไน้ถึ
wide วายถึ
inside อินซ้าย
deny ดินาย
time ทายหมึ
เสียงสระ “โอ”
go โก
so โซ
know โน
low โล
snow สโนว
open โอ๊เพิน
phone โฟน
hotel โฮเทล
focus โฟเคิส
note โน้ททึ
เสียงสระ “อู”
two ทู
you ยู
who ฮู
true ทรู
moon มูน
room รูม
fluid ฟลู้อิด
proof พรู้ฟ
new นู
tool ทูล
soup ซู่พพึ
เสียงสระ “อะ”
but บั้ทถึ
up อัพ
sun ซัน
gun กัน
cup คัพ
dust ดัสทึ
under อั๊นเดอะ
love ลัฟ, เลิฟ
public พับหลิกขึ
เสียงสระ “อา”
car คา
arm อาม
art อ๊าท
father ฟ้าเธอะ
hard ฮาด
park พ้าคขึ
เสียงสระ “อิ”
is อิซ
it อิท
big บิ้ก
will วิล
win วิน
sit ซิท
tip ทิพ
gym จิม
quick ควิกขึ
visit วิสิททึ
เสียงสระ “อุ”
look ลุคขึ
put พุท
cook คุกคึ
good กู้ดทึ
could คูดทึ
should ชูดดึ
would วูดดึ
เสียงสระ “เอะ”
egg เอ้ก
enter เอ๊นเทอะ
test เท่สถึ
said เซด
head เฮด
friend เฟร็น
empty เอ๊มพที
เสียงสระ “แอ” หรือ “แอะ”
at แอ้ท
air แอ
act แอ้ค
and แอ่น
man แมน
hat แฮท
have แฮ็ฟ
there แธ
back แบ้ค
plan แพลน
happy แฮ่พพี
various แว้เรียส
เสียงสระ “เอาะ”
on ออน
off ออฟ
got ก้อท
want ว้อนถึ
lock ล็อค
clock คล็อคขึ
stop ซต๊อพพึ
เสียงสระ “ออ”
saw ซอว
draw ดรอว
law ลอว
all ออล
walk วอคขึ
talk ทอคขึ
call คอล
pause พ็อส
cough ค็อฟ
เสียงสระ “เออะ”
again เออะเกน
afraid เออะเฟร่ด
agree เออะกรี
around เออะราวดึ
allow เออะลาว
lesson เล้สเซิน
picture พิคเฉอะ
melody เม้เลอะดี
equipment อีควิพเมินทึ
*เสียง ~sion/~tion
decision ดีซี้เชิน
section เซ็คเชิน
information อินฟอเม้เชิน
pollution พอลลู้เชิน
เสียงสระ “เออ”
were เวอ
girl เกิล
learn เลิน
word เหวิด
bird เบิ้ด
work เวิค
nurse เนอส
teacher ทีชเชอ
dessert ดีเซิท
player เพล้เยอะ
manner แม้นเนอ
tailor เท้เลอ
เสียงสระ “ออย”
boy บอย
toy ทอย
coin คอย
point พ๊อยทึ
voice ว๊อยซ
choice ช๊อยซ
oil ออยเยิล
enjoy เอ็นจอย
employ เอ็มพลอย
เสียงสระ “อาว”
now นาว
how ฮาว
out เอ๊าทึ
town ทาว
cloud คลาวดึ
sound ซาวดึ
doubt เด๊าทึ
about อะเบ๊าทึ
flower ฟลาวเออะ
เสียงสระ “เอีย”
here เฮีย
beer เบีย
cheer เชีย
appear เออะเพีย
engineer เอ็นจิเนีย
period พีเหรียด
สระเสียงสั้นและสระเสียงยาว
ปกติแล้วคำที่สะกดด้วยสระต่างกันจะออกเสียงต่างกัน แต่ทั้งนี้การออกเสียงสั้นหรือยาวนั้นก็จะสื่อถึงคำที่มีความหมายต่างกันด้วย เช่น
สระเสียงสั้น |
สระเสียงยาว |
||||
men pen pepper Tim come |
เม็น เพ็น เพ็พเพอะ ทิม คัม |
(ผู้ชาย) (ปากกา) (พริกไทย) (ทิม) (มา) |
main pain paper team calm |
เมน เพน เพ้เพอะ ทีม คาม |
(ส่วนหลัก) (ความปวด) (กระดาษ) (ทีม) (สงบ) |
Consonants (พยัญชนะ)
พยัญชนะในภาษาอังกฤษนั้นทำหน้าที่เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้นและตัวสะกด ซึ่งไม่มีกฏการออกเสียงตายตัวเช่นเดียวกับสระ พยัญชนะแต่ละตัวนั้นสามารถออกเสียงได้หลายเสียง มีทั้งเสียงพยัญชนะต้น เสียงควบกล้ำ และเสียงตัวสะกด นอกจากนี้ยังแบ่งเป็นเสียงสั่นและเสียงไม่สั่นอีกด้วย
การออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษให้ชัดเจนจะทำให้ฝรั่งเข้าใจคำพูดของเราได้ง่าย โดยเฉพาะการออกเสียงพยัญชนะสุดท้ายของคำหรือตัวสะกด ถ้าเราออกเสียงผิด คำนั้นอาจจะเปลี่ยนความหมายไปเลยโดยสิ้นเชิง เช่น
with วิธ (กับ)
wish วิช (ขอพร)
เสียงพยัญชนะในภาษาอังกฤษเมื่อเทียบกับภาษาไทยแล้ว มีดังต่อไปนี้
b = เสียง /บ/
boy บอย
buy บาย
best เบ้สถึ
book บุ้คขึ
baby เบ้บี
job จ้อบบึ
mob มอบ
c = เสียง /ค/ เมื่ออยู่หน้า a, o, u หรือเสียง /ซ/ เมื่ออยู่หน้า e, i, y
can แคน
cake เคกขึ
come คัมหมึ
copy ค็อพพี
cut คัทถึ
cube คิ้วบึ
cell เซลหลึ
cinema ซินิมา
cyber ไซ้เบอะ
ch = เสียง /ช/ /ฉ/ ออกเสียงคล้าย sh แต่ลิ้นต้องแตะเพดานปาก
chair แช
champ แช่มผึ
cheer เชีย
cheap ชีพผึ
check เช็คขึ
chip ชิพ
church เชิดฉึ
much มัชฉึ
each อี้ชฉึ
watch วอทฉึ
March มาชฉึ
d = เสียง /ด/ /จ/
do ดู
day เด
door ดอ
dance ด้านซ
window วิ่นโดว
sad แซดดึ
had แฮดดึ
made เม่ดดึ
*education เอะจูเค้ชัน
*graduate แกร๊จูเอท
*soldier โซลเจอะ
f = เสียง /ฟ/
fun ฟัน
food ฟูด
fish ฟิช
fee ฟี
fine ฟาย
fail เฟล
favorite เฟ้วริท
coffee ค็อฟฟี
if อี้ฟ
life ไล่ฟึ
stuff สะตั้ฟ
safe เซ่ฟฟึ
g = เสียง /ก/ /จ/
go โก
get เก้ท
good กู้ดดึ
game เกมหมึ
give กีฟ
gate เก้ทถึ
gym จิมหมึ
begin บีกิน
magic แม้จิคขึ
engine เอ๊นจิน
big บิ้กกึ
dog ด้อกกึ
egg เอ้กกึ
page เพจจึ
large ลาจจึ
judge จั้ดจึ
massage มัสสาจจึ
h = เสียง /ฮ/
hot ฮอทถึ
his ฮีส
home โฮม
ham แฮมหมึ
hello เฮโล่
hear เฮีย
oh โอ้
j = เสียง /จ/
jam แจมหมึ
joke โจ้กขึ
jelly เจนลี
juice จู้ซ
join จอย
reject รีเจ้คทึ
k = เสียง /ค/ /ข/
key คี
kid คิด
kiss คิส
sick ซิกขึ
black บะแลคขึ
l = เสียง /ล/
low โลว
lab แลบบึ
late เลทถึ
list ลิสทึ
least ลีสทึ
ball บอลหลึ
tell เทลหลึ
mail เมลหลึ
meal มีล
kill คิลหลึ
real รีล
melt เม่ลทึ
help เฮ่วผึ
metal เม้เทิล
final ไฟ่นาล
channel แช่นนัล
m = เสียง /ม/
me มี
man แมน
my มาย
mum มัม
maybe เมบี
ham แฮมหมึ
cream ครีม
name เนม
n = เสียง /น/
no โน
not น้อท
nose โน่ส
nice ไน่ซ
never เน้ฟเวอะ
men เม็นหนึ
fun ฟัน
button บ๊ะเทิน
hidden ฮิดเดิน
ng = เสียง /ง/
singer ซิงเหง่อ
angry แอ๊งกริ
ring ริง
song ซอง
wing วิง
young ยัง
wrong รอง
raining เร้นนิง
nk = เสียง /ง/
bank แบ้งขึ
tank แท่งขึ
p = เสียง /พ/ /ผ/
pay เพ
pie พาย
pick พิคคึ
piece พีซ
apple แอพเพิล
map แมพผึ
type ไท่ผึ
ph = เสียง /ฟ/
phone โฟน
pharmacy ฟ้ามะซี
alphabet แอ๊วฟาเบทถึ
q = เสียง /คว/
queen ควีนหนึ
quick ควิกขึ
r = เสียง /ร/
run รัน
read รีด
rain เรน
road โรดดึ
rock รอคขึ
rate เรทถึ
rest เรสถึ
s = เสียง /ส/ /ซ/ /ช/
see ซี
so โซ
sun ซัน
sand แซนดึ
soup ซูพผึ
yes เยส
bus บัส
has แหซ
kiss คิส
house เฮ่าซ
always อ๊อลเหว่ซ
decision ดีซิเชิน
measure เมสเชอะ
pleasure เพลสเชอะ
unusual อันยูสชวล
sh = เสียง /ช/
shop ช็อพผึ
shoe ชู
should ชูด
share แช
show โชว
shape เชพ
sheet ชีท
shrimp ชะริ้มผึ
dish ดิ้ช
wash วอช
wish วิช
cash แค็ช
fresh เฟร่ช
t = เสียง /ท/ /ต/ /ถ/
to ทู
try ทราย
time ทายหมึ
test เทสทึ
stop ซต๊อพ
doctor ด้อคเต่อ
cat แคทถึ
hit ฮิทถึ
sit ซิทถึ
meat มีทถึ
first เฟิสถึ
guest เกสถึ
th = เสียง /ต/ /ด/ /ธ/ ออกเสียง /ต/ หรือ /ด/ โดยกัดปลายลิ้นเบาๆ
think ติ๊งขึ
thanks แต๊งส
thought ต้อดถึ
thump ธั๊มพ
the เดอะ
that แด้ท
they เด
than แดน
then เด็นหนึ
theory เธียริ
theme ธีมหมึ
mother มะเธอะ
with วิธ
path พาธ
earth เอิ้ธ
cloth โคลธ
both โบ้ธ
smooth ซมูธ
*Thailand ไท้แลนดึ
*การอ่านออกเสียงคำว่า the
ออกเสียง “เดอะ” เมื่อนำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ
the moment เดอะ โมเมินทึ
ออกเสียง “ดิ” เมื่อนำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ “อ”
the Earth ดิ เอิร์ธ
v = เสียง /ว/ /ฟ/ ออกเสียง /ว/ โดยกัดริมฝีปากล่างแล้วพ่นลมเบาๆ เส้นเสียงมีการสั่น
van แวนหนึ
very เว้หริ
vote โว้ททึ
vapor เว้เพอ
voice ว่อยซ
variety วาไรทิ
have แฮฟหวึ
love เลิฟหวึ
save เซ่ฟหวึ
five ฟ้ายหวึ
move มูฟหวึ
live ลิฟหวึ
w = เสียง /ว/
we วี
win วินหนึ
want ว่อนถึ
wet เว็ทถึ
wait เว่ทถึ
wine วายหนึ
law ลอว
saw ซอว
wh = เสียง /ว/ /ฮ/
when เว็น
why วาย
what ว่อทถึ
where แว
which วิช
white ไว้ทึ
while วายเยิล
who ฮู
whom ฮูม
whole โฮล
x = เสียง /ซ/ /ช/ /คส/
xerox ซี้หรอคสึ
exit เอ้คซิทถึ
exam เอ้คแซมหมึ
luxury ลัคเชอรี
sexual เซกชวล
box บ้อคส
mix มิ่คส
sixty ซิคสที
y = เสียง /ย/
you ยู
yes เยส
year เยีย
young ยัง
yummy ยั่มมี
z = เสียง /ซ/ ออกเสียงคล้าย s แต่เส้นเสียงมีการสั่น
zoo ซู
zero ซี้โร
zone โซนหนึ
maze เมซ
prize ไพร้ซ
*a, e, i, o เมื่อเป็นพยัญชนะต้น ออกเสียง /อ/ ส่วน u ออกเสียง /ย/
and แอ่น
egg เอ้กกึ
ink อิงขึ
on ออนหนึ
university ยู้นิเว้อสิทิ
เสียงควบกล้ำ ร และ ล
free ฟรี
train เทรน
break เบร้กขึ
drink ดริ๊งคึ
cream ครีม
play เพล
black แบล๊ค
plane แพลน
flight ไฟล่ถึ
glue กลู
Silent Letters (อักษรที่ไม่ออกเสียง)
อักษรที่ขีดเส้นใต้ต่อไปนี้ไม่ออกเสียง
know โน
debt เด้ทถึ
sign ซายหนึ
rhyme รามหมึ
muscle มัสเซิล
คำที่ไม่ออกเสียง t
listen ลิส’เซิน
castle คาส’เซิล
fasten ฟาส’เซิน
whistle วิส’เซิล
คำที่ไม่ออกเสียง h
hour เอ๊า’เออร์
honest อ๊อน’นิสท
exhibit เอกซิ’บิท
vehicle วี’อิเคิล
exhaust เอ็กซอสท’
honour ออน’เนอร์
คำที่ไม่ออกเสียง w
wrong รอง
wrist ริสท
answer อ๊านเซอ
Warwick วอหริค
การออกเสียง ~s ท้ายคำ (นามพหูพจน์, กริยาเอกพจน์)
คำทั่วไปเมื่อเติม ~s ให้ออกเสียง /ส/ ท้ายคำ เช่น
dogs ด๊อกส
bags แบ้กส
questions เควสเชินส
gives กี้ฟส
likes ไล้คส
stops ซต้อพส
คำที่ลงท้ายด้วยเสียง s, sh, c, ch, x, z, ge, dge เมื่อเติม ~s ให้ออกเสียงเพิ่มอีกพยางค์ว่า “เอ็ซ” เช่น
houses เฮ้าเส็ซ
washes ว้อชเช็ซ
slices สไล้เส็ซ
judges จั๊ดเจ็ซ
prizes ไพร้เส็ซ
kisses คิสเส็ซ
catches แคชเฉ็ซ
edges เอ้ดเจ็ซ
phrases เฟร้สเส็ซ
กริยาที่ลงท้ายด้วย ~ed
กริยาทั่วไปที่ลงท้ายด้วย ~ed ออกเสียงลงท้ายว่า “ดึ” เช่น
called คอลดึ
loved เลิฟดึ
played เพลดึ
cleaned คลีนดึ
กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง f, p, k, s, ss, sh, ch, gh, x +ed ออกเสียง “ถึ” เช่น
stopped ซต้อพถึ
liked ไล้คถึ
missed มิสถึ
washed ว่อชถึ
laughed ลาฟถึ
looked ลุ้คถึ
clapped แคลพถึ
watched ว้อชถึ
fixed ฟิกซถึ
typed ไท้พถึ
กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง t+ed หรือ te+d ออกเสียงเพิ่มอีก 1 พยางค์ว่า “ถิด” เช่น
wanted ว้อนถิด
attracted อะแทรค’ถิด
invited อินไว้’ถิด
connected คอนเน้ค’ถิด
กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง d+ed หรือ de+d ออกเสียงเพิ่มอีก 1 พยางค์ว่า “ดิด” เช่น
ended เอ๊นดิด
decided ดิไซ’ดิด
needed นี้ดดิด
suspended สัซเป็น’ดิด
Stress (การเน้นเสียง)
ในภาษาอังกฤษนั้น คำที่มีมากกว่าหนึ่งพยางค์ จะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งพยางค์ที่เราออกเสียงดังกว่าหรือหนักกว่าพยางค์อื่นๆ เราเรียกการออกเสียงในลักษณะนี้ว่า stress (การเน้นเสียง) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการออกเสียงภาษาอังกฤษ ในที่นี่จะใช้เสียงโทและเครื่องหมาย (’) แทนการเน้นเสียง ดังนี้
คำที่มี stress ที่พยางค์แรก เช่น
mother มะ’เทอ
toilet ท้อย’เล็ท
happy แฮ้พ’พี
kitchen คิ้ท’เช็น
doctor ด้อค’เทอะ
marketing ม้า’เค็ททิง
limit ลี้’หมิท
คำที่มี stress ที่พยางค์ที่ 2 เช่น
undo อันดู้’
reward รีวอด’
station สะเต๊’ชัน
computer คอมพิ้ว’เทอะ
America อะเม้’ริคา
infect อินเฟ็คท’
release รีลีซ’
technique เถคนีค’
คำที่มี stress ที่พยางค์ที่ 3 เช่น
information อินฟอเม้’ชัน
photography โฟท้า’กระฟี
situation สิจูเอ๊’ชัน
คำที่มีเสียงควบ ให้ stress ที่อักษรควบ เช่น
speak สะพี้ค’
dragon ดะแร้’กั่น
คำที่มี stress มากกว่า 1 พยางค์ เช่น
concentration คัน’ซันทเร้’ชัน
คำบางคำสามารถเน้นเสียงได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับความหมาย เช่น
present เพร้’เซนทึ (ของขวัญ, ปัจจุบัน)
present พรีเซ่น’ทึ (นำเสนอ)
*นามผสม/นามประสม ออกเสียงเน้นที่นามตัวแรก
pineapple ไพ้น’แนพเพิล
housewife เฮ้าซ์’ไวฟึ
market share มา’คิท แชร์
Intonation (การออกเสียงสูงต่ำ)
การออกเสียงสูงต่ำในกลุ่มคำหรือประโยคจะช่วยบอกให้ผู้ฟังทราบว่าผู้พูดกำลังพูดประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำถาม การออกเสียงสูงต่ำมีลักษณะคร่าวๆ ดังนี้
ประโยคบอกเล่าและประโยคขอร้อง ให้ลงท้ายประโยคด้วยเสียงต่ำ เช่น
She is my friend. ชี้ อิส หม่าย เฟร็น
ประโยคคำถามแบบ yes/no questions ให้ออกเสียงสูงที่ท้ายประโยค เช่น
OK? โอเค้?
Really? เรียวลี้?
Are you hungry? อา ยู ฮังกรี๊?
Can you speak Thai? แคน ยู สะพี้ค ไท้?
ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย question words ให้ลงท้ายประโยคด้วยเสียงต่ำ เช่น
What is it? ว้อท อิซ อิท?
Where are you from? แว อ๊า ยู ฟรอม?
How is it? ฮาว อิซ อิท?
ประโยคคำถาม tag questions ให้ออกเสียงสูงที่ท้ายประโยค เช่น
She doesn’t like it, does she? ชี ด๊าสซึน ไล้ค อิท, ด๊าส ชี้?
ประโยคคำถามที่มีตัวเลือกให้เลือก พยางค์สุดท้ายในแต่ละตัวเลือกให้ออกเสียงสูง แต่พยางค์สุดท้ายของตัวเลือกสุดท้ายให้ออกเสียงต่ำ เช่น
Do you want a banana or an orange? ดู ยู ว้อนท อะ บาแนน้า ออ แอน อ๊อเหร่นจึ?
การตอบคำถาม ให้เน้นเสียง (stress) ที่คำสำคัญ (คำที่ขีดเส้นใต้) เช่น
Are you a student?
No, I’m not. โน่ อาม น้อท
Can you drive?
Yes, I can. เยส ไอ แคน
What’s your name?
My name is Marco. มาย เนม อิส ม้าโค
Where are you from?
I’m from Thailand. อาม ฟรอม ไท้แลนด
Can you help me?
No, I’m sorry. I can’t help you. โน, อาม ซ้อรี, ไอ ค้านท เฮ้วพ ยู
Linking (การเชื่อมเสียง)
เชื่อมเสียงเมื่อคำหน้าลงท้ายด้วยเสียงพยัญชนะ คำหลังขึ้นต้นด้วยเสียงสระ
I like it. ไอ ไล้ ขิทถึ
Come on! คัม มอน!
What’s up? ว่อท ซัพผึ?
It is pretty. อิท ทีซ พริดี
I work out every day. อาย เวิ้ค เค้าท เอฟริ เด
บางครั้งเราเชื่อมเสียงเมื่อคำหน้าลงท้ายด้วยเสียงสระ คำหลังขึ้นต้นด้วยเสียงสระ
I am อ๊าย แยมหมึ
She is ชี้ หยีซ
เชื่อมเสียงเมื่อคำหน้าลงท้ายด้วยเสียง /t/ /d/ /s/ /z/ คำหลังขึ้นต้นด้วยเสียง /y/
Don’t you sleep? โด้น ชู ซลี้พผึ?
Would you come? วู้ด ชู คั้มหมึ?
I hates you. ไอ เฮ้ท ชู
How’s your mom? ฮาว ชัว มามหมึ?