ไวยากรณ์ (Grammar) Sentences
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
04 มิ.ย. 68
 | 40 views



Sentence คือ ประโยค ประกอบด้วย ภาคประธาน (subject) และภาคแสดง (predicate) ในประโยคอาจมีเพียงกริยา (verb) มีกรรม (object) ซึ่งรับการกระทำของกริยาโดยตรง หรือมีข้อความเพิ่มเติม เรียกว่า คำขยาย (modifier) ตัวอย่างเช่น

He laughs.            (เขาหัวเราะ)
He drinks tea.        (เขาดื่มชา)
He made me angry.        (เขาทำให้ฉันโกรธ)

 

Clause (อนุประโยค) หรือประโยคย่อย คือ กลุ่มของคำที่ประกอบด้วยประธานและกริยา ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายประโยคหลักในประโยคความซ้อน ได้แก่

Noun clause เช่น
I know where Sue lives.    (ฉันรู้ที่อยู่ของซู)

Adjective clause หรือ Relative clause เช่น
A novel which you read is the bestseller.        
(นิยายที่เธออ่านคือนิยายขายดีที่สุด)

Adverb clause เช่น
Jennifer is driving so fast although it is raining.    
(เจนนิเฟอร์ขับรถเร็วมากแม้ว่าฝนกำลังตกอยู่ตอนนี้)

 

Phrase (วลี) คือ กลุ่มของคำที่ไม่มีทั้งประธานและกริยา เช่น

fresh fruit

The books on that shelf are mine.
While sitting in class, I fell asleep.
Since coming to this country, Maria has made many friends.
Hiking through the woods yesterday, we saw a bear.

 

ประโยคแบ่งเป็น 3 ชนิด ดังนี้

1. Simple Sentence (ประโยคความเดียว)

ประโยคซึ่งมีกริยาแท้ตัวเดียว ไม่มี conjunction เชื่อม เช่น

I will visit my grandmother next week.    (ฉันจะไปเยี่ยมย่าอาทิตย์หน้า)
He did not go to the party last night.    (เขาไม่ได้ไปงานเมื่อคืน)
Did you see Jim last night?            (เมื่อคืนคุณเห็นจิมมั้ย?)
Keep quiet.                    (กรุณารักษาความสงบ)
How bad he is!                (ทำไมเขาแย่อย่างนี้!)

2. Compound Sentence (ประโยคความรวม)

ประโยคที่มี Simple Sentence ตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไปรวมเข้าด้วยกัน โดยใช้คำเชื่อมที่เรียกว่า coordinate conjunctions เช่น

She was thirsty and hungry.        (เธอทั้งหิวข้าวทั้งหิวน้ำ)
He is poor, but she loves him.        (เขายากจนแต่เธอก็รักเขา)
He worked hard, so he passed the exam.    (เขาเรียนหนัก ก็เลยสอบผ่าน)
You can come either on Monday or Tuesday.  (คุณมาวันจันทร์หรือวันอังคารก็ได้)
She is very honest while her son is a big liar.  (เธอเป็นคนซื่อสัตย์มากในขณะที่ลูหชายของเขาเป็นจอมโกหก)

3. Complex Sentence (ประโยคความซ้อน)

ประโยคใหญ่ที่รวมมาจากประโยคเล็กตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไป ซึ่งประโยคหนึ่งเป็นประโยคหลัก ส่วนอีกประโยคหนึ่งเป็นประโยครอง

main clause (ประโยคหลัก) เป็นประโยคสมบูรณ์เนื่องจากมีประธานและกริยาของประโยค

subordinate clause (ประโยครอง) เป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ ต้องเชื่อมกับ main clause จึงจะสมบูรณ์

She is the woman whom I love.        (เธอคือผู้หญิงที่ฉันรัก)
He said that he had done that work.    (เขาพูดว่าเขาทำงานนั้นเสร็จแล้ว)
He arrived after the train had left.        (เขามาถึงตอนที่รถไฟออกไปแล้ว)

    *Subordinate clause ทำหน้าที่ 3 อย่าง ดังนี้

3.1 ทำหน้าที่เป็น Noun clause 
She laughed at what you said.    (เธอขำในสิ่งที่ฉันพูด)

3.2 ทำหน้าที่เป็น Adjective clause
The boy who wears the blue shirt is my brother.
(เด็กผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าคือน้องชายของฉัน)

3.3 ทำหน้าที่เป็น Adverb clause
Bob has lived here since he was young.    (บ๊อบอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยังเด็ก)

Sentence Form (โครงสร้างประโยค)

โครงสร้างของประโยคจะประกอบด้วยประธาน กริยา กรรม และส่วนเติมเต็ม สำหรับคำแต่ละตำแหน่งจะมีคุณสมบัติหรือการใช้ที่แตกต่างกันตามจุดประสงค์ของแต่ละประโยค โดยมีรูปแบบประโยคที่แบ่งตามคำกริยาอยู่ด้วยกัน 5 ชนิด ดังนี้

กลุ่มอกรรมกริยา (Intransitive Verb)

    S = Subject

    V = Verb

    O = Object

    C = Compliment (ส่วนเติมเต็ม เช่น คำนาม, คำคุณศัพท์)

1. อกรรมกริยาสมบูรณ์ (Complete Intransitive Verb)

กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารองรับ

S + V

Birds fly.                    (นกบิน)
The baby cried all night.            (เด็กทารกร้องไห้ทั้งคืน)
They sit on the sofa.            (พวกเขานั่งบนโซฟา)
She studies in the library.            (เธอเรียนหนังสืออยู่ในห้องสมุด)

2. อกรรมกริยาไม่สมบูรณ์ (Incomplete Intransitive Verb)

กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารองรับ แต่ต้องมีส่วนเติมเต็มมาขยายเพื่อให้ประโยคชัดเจนยิ่งขึ้น

S + V + C                

He is my boyfriend.                (เขาเป็นแฟนของฉัน)
It tastes delicious.                (รสชาติอร่อย)
Her face turned red.                (เธอหน้าแดงแล้ว)

กลุ่มสกรรมกริยา (Transitive Verb)

3. สกรรมกริยาสมบูรณ์ (Complete Transitive Verb)

กริยาที่ต้องมีกรรมรองรับ

S + V + O

I love you.                    (ฉันรักคุณ)
I can solve this question.            (ผมแก้โจทย์ข้อนี้ได้)
They want a new refrigerator.        (พวกเขาอยากได้ตู้เย็นใหม่)
My friend enjoyed the party.        (เพื่อนของฉันสนุกกับปาร์ตี้)

4. ทวิกรรมกริยา (Double Transitive Verb)

กริยาที่ต้องมีกรรม 2 ตัว ได้แก่ กรรมตรงและกรรมรอง

S + V + กรรมรอง + กรรมตรง

He teaches us chemistry.            (เขาสอนวิชาเคมีพวกเรา)
I showed them my photos.            (ฉันเอารูปของฉันให้พวกเขาดู)
She made me some cookies.        (เธอทำคุกกี้ให้ฉัน)

5. สกรรมกริยาไม่สมบูรณ์ (Incomplete Transitive Verb)

กริยาที่ต้องมีกรรมและส่วนเติมเต็ม

S + V + O + C

He made me angry.                (เขาทำให้ฉันโกรธ)
I heard something break.            (ฉันได้ยินเสียงบางอย่างแตก)
We should always keep our hands clean.        (พวกเราควรทำให้มือสะอาดเสมอ)

 
Tag :