Determiner (คำบ่งชี้นาม) คือ คำที่บ่งบอกและกำหนดคำนาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ใช้วางหน้าคำนามเพื่อบอกปริมาณและกำหนดสถานะของคำนามนั้น โดยหลักๆ แล้ว Determiners แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ คำนำหน้านามและคำบอกปริมาณ ดังนี้

1. Articles (คำนำหน้านาม)

คำนามโดยส่วนใหญ่จะมี Article นำหน้า Article คือคำที่ใช้นำหน้าคำนาม แบ่งเป็น Indefinite Articles (คำนำหน้านามที่ไม่ชี้เฉพาะ) ได้แก่ a, an และ Definite Article (คำนำหน้านามที่ชี้เฉพาะ) ได้แก่ the และในบางครั้งคำนามก็ไม่จำเป็นต้องมี Article นำหน้า

1.1 Indefinite Articles

a/an เป็นคำนำหน้านามที่ไม่ชี้เฉพาะ ใช้นำหน้าคำนามนับได้เพื่อให้มีความหมายเป็นเอกพจน์และเป็นการกล่าวถึงคำนามนั้นๆ โดยทั่วไป ไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น

Miami is a city in Florida.        (ไมอามี่เป็นเมืองๆ หนึ่งในรัฐฟลอริด้า)
A dog is a loyal friend.        (สุนัขเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์)

นอกจาก a และ an จะใช้นำหน้าคำนามนับได้ทั่วไปแล้ว ยังใช้นำหน้าคำนามนับได้ต่างๆ ที่เรากล่าวถึงเป็นครั้งแรก เช่น

I bought a jacket and a T-shirt. The jacket was cheap but the T-shirt …
(ฉันซื้อแจ็คเก็ตมาตัวนึงแล้วก็เสื้อยืดตัวนึง แจ็คเก็ตตัวนั้นราคาถูกแต่เสื้อยืดนั้น...)

a/an มีหลักการใช้ดังนี้

1. a ใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ เช่น

I have got a camera.
There’s a girl at the bus stop.

คำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระแต่ออกเสียงพยัญชนะ “ย” ต้องใช้ a นำหน้า เช่น

We didn’t have to wear a uniform.
Poland is a European country.

2. an ใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ “อ” หรือ a/e/i/o/u เช่น

Do you want an umbrella?
He say that he want to be an Edison.

คำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่ออกเสียงสระ “อ” ต้องใช้ an นำหน้า เช่น

I study an hour.
It’s an honor to meet you.

*คำนามที่มีคำขยายอยู่ข้างหน้า ให้พิจารณาจากคำขยายนั้นว่าขึ้นต้นด้วยเสียงอะไร เช่น

Tony wants to learn a foreign language.
There was an interesting programme on Netflix last night.

3. ใช้ a/an ในสำนวนต่างๆ

3.1 จำนวน, ตัวเลขอัตราส่วน เช่น

He works eight hours a day, five days a week.

3.2 อาการเจ็บป่วย เช่น

Are you having a fever?

3.3 สำนวนกริยา เช่น

make a mistake    (ทำผิด, ทำพลาด)
have a goodtime    (สนุก, มีความสุข)
take a shower    (อาบน้ำ)

1.2 Definite Article

the เป็นคำนำหน้านามที่ชี้เฉพาะ ใช้นำหน้าคำนามที่ถูกกล่าวถึงมาแล้วหรือเพื่อชี้เฉพาะเจาะจงว่าหมายถึงคนใด สิ่งใด หรือสถานที่ใด เช่น

We enjoyed our holiday. The hotel was very nice.
(พวกเรามีความสุขกับวันหยุดที่ผ่านมา โรงแรม (ที่เราพัก) มันดีมาก)

I’d like to speak to the manager, please.        
(ขอฉันคุยกับผู้จัดการ (ร้านนี้) หน่อย)

the ใช้นำหน้าได้ทั้งนามนับได้ (เอกพจน์และพหูพจน์) และนามนับไม่ได้ เช่น

I’m going out with the girls tonight.
Pass me the sugar, please.

นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในภาษาอังกฤษ เรายังใช้ the นำหน้าในกรณีต่อไปนี้

1. สิ่งที่มีเพียงสิ่งเดียวในโลก เช่น

The Earth goes round the sun.
I lay down on the ground and looked up at the sky.

*ยกเว้น Would you like to go travel in space.

2. ช่วงเวลาของวันและฤดูกาล (ที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น) เช่น

the morning        the afternoon         the evening
the past             the present           the future
(the) winter         (the) summer         (the) autumn
(the) spring         the rainy season

3. ตำแหน่งและทิศทางต่างๆ เช่น

the top            the left        the right       the end      the beginning
the middle        the north     the south     the east      the west
I’ve been to the north of Japan but not to the south.
Do you drive on the right or on the left in your country?

4. ชื่อหรือสำนวนในรูป the … of เช่น

the Great Wall of China
the Tower of London
the University of Tokyo
Seoul is the capital of Korea.

5. ลำดับที่ เช่น

When was the first time you traveled abroad?
Our classroom is on the third floor.

6. การเปรียบเทียบ เช่น

1. ขั้นสูงสุด     the best~    the most~    the worst~    the biggest~
                   Who is the best player in the team?

2. ขั้นกว่า       The + ขั้นกว่า~, the + ขั้นกว่า~ (ยิ่ง~ก็ยิ่ง~)
                   The more you eat, the fatter you will be.     (ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน)

3. เท่ากัน        the same    the same~
                   These two photographs are the same.

7. การเล่นเครื่องดนตรี เช่น
      Diana is learning to play the piano.
      She’s playing the violin.

8. ชื่อประเทศที่มีคำว่า States, Republic, Kingdom เช่น
      the United Kingdom
      the United States of America
      the Republic of Ireland

9. ชื่อประเทศ, หมู่เกาะ, เทือกเขา ที่เป็นรูปพหูพจน์ (มี ~s เติมท้าย) เช่น
      the Netherlands    the Philippines    the Alps
      The highest mountain in the Alps is Mont Blanc.

10. ชื่อมหาสมุทร, ทะเล, แม่น้ำ, คลอง เช่น
      the Atlantic (Ocean)            the Mediterranean (Sea)
      the Chao Phraya River        the Suez Canal
      The longest river in the world is the Nile.

11. ชื่อโรงแรม, ภัตตาคาร, ผับ, โรงหนัง, โรงละคร, พิพิธภัณฑ์, สถาบัน, องค์กร หรือสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากๆ ของประเทศ เช่น
      the Hilton Hotel            the Peninsula Hotels    
      the National Theatre        the Louvre
      the Royal Palace            the White House

12. ชื่อตระกูล, หนังสือพิมพ์, สายเรือหรือเที่ยวบินสำคัญ, ยุคสมัยสำคัญ, ตำแหน่งสำคัญ, กลุ่มคนหรือชนชาติ ฯลฯ
      the Kennedys                the New York Times
      the Queen Mary            the Renaissance            
      the President                the Irish (ชาวไอริช) 
      Do you think the rich should pay more taxes to help the poor?
      The Chinese invented printing.

      *กลุ่มตำรวจ, กองทัพทหาร, นักดับเพลิง และคณะรัฐบาลของเมืองหรือประเทศ เราใช้
      the police    the army    the fire brigade    the government

*คำนามบางคำหรือบางสำนวน หากมี the และไม่มี the นำหน้า ความหมายจะต่างกัน เช่น

การไปสถานที่เพื่อวัตถุประสงค์ปกติ

I usually go to school by bus.            (ปกติฉันนั่งรถบัสไปเรียนหนังสือ)
David usually goes to church on Sundays.    (เดวิดไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์)
He was in an accident. He had to go to hospital.    
(เขาได้รับอุบัติเหตุ เขาจึงต้องไปโรงพยาบาล)

What did you study at university?            (เธอเรียนคณะอะไรเหรอ?)
Why is he in prison?                    (ทำไมเขาถึงโดนจับเข้าคุก?)

การไปสถานที่นั้นเพื่อทำกิจกรรมอื่น

Every term parents are invited to the school to meet the teachers.
(ทุกๆ เทอม ผู้ปกครองจะถูกเชิญให้ไปพบปะกับคุณครู)

Anne has gone to the hospital to visit Jane.    
(แอนไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเจน)

The workmen went to the church to repair the roof.
(คนงานไปโบสถ์เพื่อซ่อมหลังคา)

*ส่วนสถานที่ดังต่อไปนี้ใช้ the นำหน้าเพื่อแสดงถึงการไปใช้บริการ
the cinema        the theatre        the bank        the post office
the station        the airport        the city centre    the doctor

I need some money. I must go to the bank.
There were a lot of people at the station waiting for the train.
You’re not well. Why don’t you go to the doctor?

1.3 Quantity Words (คำบอกปริมาณ)

Quantity Word (คำบอกปริมาณ) หรือ Quantifier คือ คำที่ใช้บอกปริมาณคำนาม โดยใช้วางไว้หน้าคำนาม หรือบางครั้งอาจจะอยู่เดี่ยวๆ ก็ได้ คำบอกปริมาณในภาษาอังกฤษนั้นค่อนข้างมีหลายตัว แต่ละตัวมีกฏการใช้ต่างกัน ดังนี้

คำบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับนามนับได้ (เอกพจน์)

a, an, one
each, every

I have a bicycle.            (ฉันมีจักรยานคันหนึ่ง)
He bought an umbrella.        (เขาซื้อร่มมาคันหนึ่ง
She has one bag.            (เธอมีหนึ่งถุง)
Each ticket costs 2 dollars.        (ตั๋วราคาใบละ 2 ดอลล่าร์)
Every country has a national flag.    (ทุกๆ ประเทศต่างมีธงชาติ)

คำบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับนามนับได้ (พหูพจน์)

two/three/…
both
a couple of
many, several 
a few, few
a number of, a large number of, a great number of

I ordered two pizzas.        (ฉันสั่งพิซซ่ามา 2 ถาด)
We have three children.        (พวกเรามีลูก 3 คน)
He has two sisters. Both sisters are married.    
(เขามีน้องสาว 2 คน ทั้ง 2 คนนั้นแต่งงานแล้ว)
Last night I wrote a few postcards.    (เมื่อคืน ฉันเขียนจดหมาย 2-3 ฉบับ)
Mum made a number of sandwiches for lunch.
(แม่ทำแซนด์วิชหลายชิ้นไว้สำหรับมื้อเที่ยง)
A large number of tourists go to Chiang Mai every year.
(ทุกๆ ปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลไปเที่ยวเชียงใหม่)

คำบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับนามนับได้ (พหูพจน์) + V เอกพจน์

each of
every of
every one of
one of
either of
neither of
the number of

Each of the students pays attention.    (นักเรียนแต่ละคนต่างก็ตั้งใจ)
One of my friends lives in Brighton.    (เพื่อนฉันคนหนึ่งอยู่ในไบรท์ตัน)
I haven’t read either of these books.    (ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้เลย)
I invited Jack and Jill to the party but neither of them came.
(ฉันเชิญแจ็คและจิลมาที่ปาร์ตี้ แต่ก็ไม่มาทั้งคู่)
The number of students in each class is limited.
(จำนวนนักเรียนในแต่ละคลาสถูกจำกัด)

คำบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับนามนับไม่ได้

much
a little, little
a large amount of, a large quantity of, a great deal of, a good deal of

I’ve got much time to take a rest.        (ฉันมีเวลามากพอที่จะพักผ่อน)
There is a little jam on your shirt.        (เสื้อคุณเลอะแจมอยู่นิดนึง)
They have little money.            (พวกเขามีเงินน้อยนิด)
There is a large amount of food in the refrigerator.
(มีอาหารมากมายอยู่ในตู้เย็น)
I have a great deal of work to do today.    (วันนี้ฉันมีงานให้ทำเยอะเลย)
He does a great deal of work.        (เขาทำงานเยอะมาก)

คำบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้ได้ทั้งกับนามนับได้ (พหูพจน์) และนามนับไม่ได้

some, some of
any, any of
all
most, most of
a lot of, lots of
plenty of
no
none of

There is some ice in the freezer.        (มีน้ำแข็งอยู่จำนวนหนึ่งในช่องแช่แข็ง)
There are some bananas on the table.    (มีกล้วย 2-3 ลูกอยู่บนโต๊ะ)
I have to move all furniture outside to my room.
(ฉันต้องย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดไปไว้นอกห้องฉัน)
I have to move all chairs outside to my room.
(ฉันต้องย้ายเก้าอี้ทั้งหมดไปไว้นอกห้องฉัน)
I drank a lot of water all day.        (ฉันดื่มน้ำไปเยอะมากวันนี้)
I ate a lot of apples all day.        (ฉันกินแอปเปิ้ลไปเยอะมากวันนี้)