ระบบย่อยอาหารของสัตว์
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
15 ก.ย. 67
 | 310 views



ระบบย่อยอาหารของสัตว์ (Digestive system) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ ระบบย่อยอาหารแบบไม่สมบูรณ์ ที่มีทางเข้าและทางออกของอาหารอยู่ทางเดียวกัน นั่นคือ เป็นทั้งปากและทวารหนัก และระบบย่อยอาหารแบบสมบูรณ์ ที่มีปากให้อาหารเข้า และทวารหนักให้กากอาหารออก นอกจากนี้ยังมีต่อมน้ำลาย ต่อมสร้างน้ำย่อยสำหรับย่อยอาหาร ที่ทำให้ประสิทธิภาพการย่อยอาหารดีขึ้น

 

ระบบย่อยอาหารแบบไม่สมบูรณ์

1. ฟองน้ำ ยังไม่มีทางเดินอาหาร แต่มีเซลล์พิเศษอยู่ผนังด้านในของฟองน้ำ เรียกว่า เซลล์ปลอกคอ (collar cell) ทำหน้าที่จับอาหาร แล้วสร้างแวคิวโอลอาหาร (food vacuole) เพื่อย่อยอาหาร

2. ไฮดรา แมงกะพรุน ซีแอนนีโมนี มีทางเดนอาหารไม่สมบูรณ์ มีปาก แต่ไม่มีทวารหนัก อาหารจะผ่านบริเวณปากเข้าไปในช่องลำตัวที่เรียกว่า ช่องแกสโตรวาสคิวลาร์ (gastrovascular cavity) ซึ่งจะย่อยอาหารที่บริเวณช่องนี้ และกากอาหารจะถูกขับออกทางเดิมคือ ปาก

3. หนอนตัวแบน เช่น พลานาเรีย พยาธิใบไม้ มีทางเดินอาหารไม่สมบูรณ์ มีช่องเปิดทางเดียวคือปาก ซึ่งอาหารจะเข้าทางปาก และย่อยในทางเดินอาหาร แล้วขับกากอาหารออกทางเดิมคือ ทางปาก

 

ระบบย่อยอาหารแบบสมบูรณ์

1. หนอนตัวกลม เช่น พยาธิเส้นด้าย หนอนในน้ำส้มสายชู เป็นพวกแรกที่มีทางเดินอาหารสมบูรณ์ คือ มีช่องปากและช่องทวารหนักแยกออกจากกัน

2. หนอนตัวกลมมีปล้อง เช่น ไส้เดือนดิน ปลิงน้ำจืด มีทางเดินอาหารสมบูรณ์ และมีโครงสร้างทางเดนอาหารที่มีลักษณะเฉพาะแต่ละส่วนมากขึ้น

3. แมลง ทางเดินอาหารของแมลงเป็นท่อยาว เช่นเดียวกับทางเดินอาหารของคน และปลา โดยมีต่อมน้ำลาย และต่อมสร้างน้ำย่อยสำหรับอาหาร อาหารเข้าสู่ร่างกายทางปาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางเดินอาหารส่วนต้น จากนั้นจะถูกย่อยและถูกดูดซึมตรงบริเวณทางเดินอาหารส่วนกลาง และส่วนท้าย ส่วนกากอาหารจะถูกขับออกจากร่างกายทางทวารหนัก

4. ปลา ระบบย่อยอาหารของปลาเริ่มจากปากไปยังคอหอย กระเพาะอาหารและลำไส้ มีอวัยวะช่วยในการย่อยอาหาร ได้แก่ ตับ และตับอ่อน หลังจากการย่อยและการดูดซึม กากอาหาร จะถูกส่งออกทางทวารหนัก ซึ่งปลาที่กินพืชเป็นอาหารจะมีทางเดินอาหารยาวกว่าปลาที่กินเนื้อสัตว์

5. สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัว ควาย มีทางเดินอาหารต่างจากคน เพราะต้องมีบริเวณพักอาหาร เพื่อให้จุลินทรีย์ย่อยเซลลูโลส การเคี้ยวเอื้อง และการสำรอก จะทำให้อาหารมีขนาดเล็กลง เป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวในการสัมผัสกับเอนไซม์ ทำให้การย่อยสลายและการหมักของจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพ

กระบวนการเคี้ยวเอื้องอีกครั้งนี้มีเพื่อย่อยสลายสารที่มีอยู่ในพืช และกระตุ้นการย่อยอาหาร เรียกว่า การเคี้ยวเอื้อง (ruminating) โดยพบว่าโคใช้เวลาในการเคี้ยวเอื้อง 1 ใน 3 ของวัน หรือใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อที่จะทำการเคี้ยวเอื้องให้อาหารมีขนาดเล็กลง ส่วนสัตว์กินพืชทั่วไปเช่น หมู กระต่าย จะมีกระเพาะเดี่ยวเช่นเดียวกับคน ซึ่งจะมีการเคี้ยวอาหารจนละเอียด แล้วส่งต่อไปยังกระเพาะที่มีเพียงเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยอาหารเท่านั้น

 

กระเพาะอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้องถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนดังนี้

1. รูเมน (rumen) หรือ กระเพาะผ้าขี้ริ้ว มีขนาดใหญ่ ผนังภายในมีลักษณะเป็นตุ่มขนเล็กๆ ทำหน้าที่คลุกเคล้าอาหารถ่ายเทอาหารไปมากับส่วนเรติคิวลัม และมีจุลินทรีย์ที่ช่วยในการย่อยเซลลูโลสให้เป็นกลูโคสที่ไม่พบในคน

 2. เรติคิวลัม (reticulum) หรือ กระเพาะรังผึ้ง มีลักษณะผนังด้านในคล้ายรังผึ้ง อยู่ระหว่างหลอดอาหาร และรูเมน ทำหน้าที่สำรอกเอาหญ้าที่ย่อยมาแล้วออกมาสู่ปาก เพื่อเคี้ยวให้เส้นใยฉีกขาดอีกครั้ง เรียกว่า เคี้ยวเอื้อง และส่งอาหารที่ถูกย่อยแล้วไปยังกระเพาะสามสิบกลีบต่อไป

 3.โอมาซัม (omasum) หรือ กระเพาะสามสิบกลีบ มีลักษณะเป็นแผ่นซ้อนทับกัน ทำหน้าที่กล้ามเนื้อของกระเพาะเพื่อบีบตัวในการบดผสม และบีบน้ำออกจากอาหาร แล้วนำอาหารเคลื่อนไปสู่กระเพาะส่วนอะโบมาซัม

 4. อะโบมาซัม (abomasum) หรือ กระเพาะแท้เป็นกระเพาะแท้จริง ผนังด้านในมีต่อมมีท่อ ใช้ในการผลิตน้ำย่อย ทำหน้าที่เหมือนกับกระเพาะอาหารของสัตว์กระเพาะเดี่ยว คือ หลั่งน้ำย่อยหลายชนิดเพื่อย่อยโปรตีนจากอาหาร และย่อยจุลินทรีย์จากกระเพาะอาหารตอนต้น

หลังจากผ่านระบบย่อยอาหารของกระเพาะทั้ง 4 ส่วนแล้วนั้น อาหารที่ย่อยแล้วจะถูกย่อยครั้งสุดท้าย แล้วจะแพร่เข้าสู่กระแสเลือดผ่านลำไส้เล็ก และถูกส่งต่อไปยังลำไส้ใหญ่ สุดท้ายจะถูกขับถ่ายออกผ่านทวารหนัก สัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีระบบการย่อยอาหารข้างต้นที่มีกลไกหลายขั้นตอนนี้ ทำให้ถูกแบ่งออกจากสัตว์กินพืชอื่นๆ ที่มีกระเพาะเดี่ยว และเรียกอีกชื่อว่า สัตว์สี่กระเพาะ ได้แก่ วัว ควาย แพะ แกะ กวาง เป็นต้น

 

พัดชา วิจิตรวงศ์