เนื้อเยื่อ อวัยวะ และระบบของร่างกาย
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
15 ก.ย. 67
 | 2.2K views



ในร่างกายของสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ชั้นต่ำลงไป เช่น แมลง ต่างประกอบด้วยเนื้อเยื่อพื้นฐาน 4 ประเภท คือ เนื้อเยื่อบุผิว เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อประสาท ส่วนพืชจะประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ประเภทเท่านั้น คือ เนื้อเยื่อเจริญ และเนื้อเยื่อถาวรเชิงซ้อน

 

1. เนื้อเยื่อของสัตว์

จำแนกเป็น 4 ประเภท คือ

       1.1 เนื้อเยื่อบุผิว (epithelium)

เป็นเนื้อเยื่อที่ประกอบไปด้วยชั้นของเซลล์ที่ปกคลุมพื้นผิวของอวัยวะต่างๆ เช่น พื้นผิวของผิวหนัง และบุผิวทางเดินอาหาร มีหน้าที่ปกป้องจากสิ่งแวดล้อมภายนอก หลั่งสารและดูดซึมสาร

 

ชนิดของเนื้อเยื่อบุผิวแบ่งตามรูปร่างได้เป็น 3 ชนิด คือ

               - squamous epithelium เซลล์มีรูปร่างแบนบาง
               - cuboidal epithelium เซลล์มีรูปร่างทรงกระบอกไม่สูงมาก หรือคล้ายลูกบาศก์ มองทางด้านข้างคล้ายลูกเต๋า แต่แท้จริงแล้วมีรูปร่างเป็นทรงแปดเหลี่ยม
               - columnar epithelium เซลล์คล้ายทรงกระบอก หรือเสาเล็กๆ เมื่อมองทางด้านข้าง นิวเคลียสมักใกล้ฐานของเซลล์ ถ้ามีซีเลียที่ผิวหน้าด้านที่เป็นอิสระ ทำหน้าที่โบกพัดสารต่างๆ ไปทิศทางเดียว เรียกเป็น ciliated columnar epithelium เช่น ที่ทางเดินหายใจของคน

 

เยื่อบุผิวเจริญเปลี่ยนแปลงมาจากเนื้อเยื่อชั้นนอก (ectoderm) ชั้นกลาง (mesoderm) หรือชั้นใน (endoderm) ก็ได้ทั้งสิ้น ถ้าเป็นมาจากเนื้อเยื่อชั้นนอก มักจะปกคลุมร่างกาย เช่น ผิวหนัง ถ้ามาจากเนื้อเยื่อชั้นใน มักจะบุภายในของอวัยวะที่เจริญเปลี่ยนแปลงมาจากเนื้อเยื่อชั้นใน เช่น เยื่อบุทางเดินอาหาร ถ้ามาจากเนื้อเยื่อชั้นกลาง ก็มักจะห่อหุ้มหรือบุอวัยวะที่มาจากเนื้อเยื่อชั้นกลาง เช่น ห่อหุ้มหรือบุอวัยวะขับถ่ายและสืบพันธุ์

 

       1.2 เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue)

ทำหน้าที่เป็นโครงร่างยึดส่วนต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น เลือด หรือ กระดูก

 

       1.3 เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ (muscular tissue) เซลล์กล้ามเนื้อประกอบด้วยฟิลาเมนต์ (เส้นใย) หลายเส้นที่หดตัวได้ สามารถเคลื่อนที่ผ่านกัน และเปลี่ยนขนาดของเซลล์ได้ เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อแบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภทคือ

               - กล้ามเนื้อเรียบ (visceral or smooth muscle) พบอยู่ที่ผนังของอวัยวะภายใน
               - กล้ามเนื้อโครงร่าง (skeletal muscle) ซึ่งยึดอยู่กับกระดูก ทำหน้าที่ในการเคลื่อนไหว 
               - กล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle) พบได้ที่ หัวใจ 

 

       1.4 เนื้อเยื่อประสาท (nervous tissue) ประกอบด้วยเซลล์ที่รวมตัวกันเป็นสมอง (brain) ไขสันหลัง (spinal cord) และระบบประสาทนอกส่วนกลาง (peripheral nervous system)

 

2. เนื้อเยื่อของพืช

จำแนกเป็น 2 ประเภท คือ

       2.1 เนื้อเยื่อเจริญ (meristem) เป็นเนื้อเยื่อที่แบ่งตัวได้ตลอดเวลา จำแนกตามตำแหน่งได้ 3 ชนิดคือ

               - apical meristem เป็นเนื้อเยื่อเจริญส่วนปลาย เช่น ปลายยอด ปลายราก ช่วยเพิ่มความสูงของพืช ซึ่งจัดเป็นการเจริญขั้นแรกของพืช (primary growth)
               - lateral meristem เป็นเนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง ได้แก่ cork cambium ให้กำเนิด cork และ vascular cambium ให้กำเนิดโฟลเอมขั้นที่สอง และไซเลมขั้นที่สอง (secondary phloem and secondary xylem) ช่วยเพิ่มความกว้างหรือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของราก และลำต้น
               - intercalary meristem เป็นเนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ ช่วยให้ปล้องยืดยาวออก พบในลำต้นพืชในเลี้ยงเดี่ยว

 

       2.2 เนื้อเยื่อถาวร (permanent tissue) เป็นเนื้อเยื่อที่เจริญเปลี่ยนแปลงมาทำหน้าที่เฉพาะ โดยจะไม่แบ่งตัวอีก จำแนกเป็น 2 ประเภทคือ

               - เนื้อเยื่อถาวรเชิงเดี่ยว (simple permanent tissue) เป็นเนื้อเยื่อที่ประกอบด้วยเซลล์ชนิดเดียวล้วนๆ ได้แก่ เอพิเดอร์มิส (epidermis) พาเรนไคมา (parenchyma) เป็นต้น
               - เนื้อเยื่อถาวรเชิงซ้อน (complex permanent tissue) เป็นเนื้อเยื่อถาวรที่ประกอบด้วยเซลล์มากกว่า 1 ชนิด ทำหน้าที่ร่วมกัน ได้แก่

เนื้อเยื่อลำเลียงอาหาร หรือ โฟลเอม (phloem) ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ 4 ชนิด คือ ซีฟทิวบ์ เมมเบอร์ (sieve tube member) เซลล์คอมพาเนียน (companion cell) พาเรงคิมา (parenchyma) และไฟเบอร์ (fiber)

เนื้อเยื่อลำเลียงน้ำและเกลือแร่ หรือ ไซเลม (xylem) ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ 4 ชนิด คือ เวสเซล เมมเบอร์ (vessel member) เทรคีด (tracheid) พาเรงคิมา (parenchyma) และไฟเบอร์ (fiber)

 

 พัดชา วิจิตรวงศ์