กล้องจุลทรรศน์
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
15 ก.ย. 67
 | 453 views



กล้องจุลทรรศน์ (microscope) เป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ใช้ศึกษาสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมาก และมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น จุลินทรีย์ เซลล์เม็ดเลือด เป็นต้น แบ่งตามแหล่งกำเนิดแสงได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบบที่ใช้แสงธรรมดาที่ตาที่มองเห็นได้ และแบบที่ใช้ลำอนุภาคอิเล็กตรอนพลังงานสูงแทนแสงธรรมดา

 

1. light microscope (LM)

คือกล้องจุลทรรศน์ประเภทที่ใช้แสงที่ตามนุษย์มองเห็นได้ (visible light) เป็นตัวให้ความสว่าง แบ่งเป็น 2 ชนิดย่อย คือ

             1.1 simple microscope or magnifying glass (กล้องจุลทรรศน์แบบง่ายหรือแว่นขยาย) 

ประกอบด้วยเลนส์นูนเพียงอันเดียว มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายวัตถุที่จะดูให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มองเห็นชัดเจนขึ้น ภาพที่ได้เป็นภาพเสมือน และข้อสำคัญคือวัตถุต้องอยู่ห่างเลนส์น้อยกว่าทางยาวโฟกัสของเลนส์นั้น มีสูตรการทำงานดังนี้

กําลังขยาย (M) = ระยะภาพ(V) / ระยะวัตถุ (U) = ขนาดภาพ (I) / ขนาดวัตถุ

 

             1.2 compound microscope (กล้องจุลทรรศน์เชิงประกอบ)

เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่มีการขยายภาพ 2 ครั้ง ประกอบด้วยเลนส์จำนวน 2 ชุดขึ้นไป คือ

- เลนส์ใกล้วัตถุ (objective lens) ตามปกติจะมี 3 หรือ 4 อัน แต่ละอันจะมีตัวเลขแสดงกำลังขยายกำกับไว้ เช่น 4X, 10X, 40X หรือ 100X เป็นต้น เลนส์นี้ทำให้เกิดภาพจริงหัวกลับที่มีขนาดใหญ่กว่าวัตถุ

- เลนส์ ใกล้ตา (ocular lens, Eyepiece lens) คือเลนส์ชุดที่อยู่ส่วนบนสุดของกล้อง มีตัวเลขบอกกำลังขยายอยู่ทางด้านบน เช่น 5X, 10X, หรือ15X กล้องบางตัวมีเลนส์ใกล้ตาอันเดียว (monocular) บางกล้องมีเลนส์ใกล้ตา 2 อัน (binocular) เลนส์ชุดนี้ขยายภาพทีเกิดจากเลนส์ใกล้วัตถุ ภาพทีเห็นมีขนาดขยายเป็นภาพเสมือนหัวกลับ และกลับซ้ายเป็นขวากับวัตถุ 

 

กล้องจุลทรรศน์เชิงประกอบ แบ่งเป็นหลายประเภท หลักๆ ที่ควรรูจัก คือ

(ก) Light microscope or bright-field microscope (กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา)

 

หลักการทำงานของกล้องจุลทรรศน์ชนิดนี้ คือ เมื่อแสงไฟจากหลอดไฟเป็นแหล่งกำเนิดแสงจะถูกรวบรวมแสง โดย condenser lens ไปตกที่วัตถุที่วางบนแท่นวางวัตถุ (specimen stage) จากนั้นเลนส์ใกล้วัตถุ (objective lens) จะเป็นตัวขยายวัตถุให้ได้ภาพที่ใหญ่ขึ้น แล้วจะส่งต่อไปยัง เลนส์ใกล้ตา (ocular lens) เพื่อขยายภาพสุดท้าย

 

 

ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา (light microscope)

- ลำกล้อง (body tube) เป็นส่วนที่เชื่อมโยงอยู่ระหว่างเลนส์ใกล้ตากับเลนส์ใกล้วัตถุมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ แสงจากภายนอกรบกวน
- แขน (arm) คือส่วนที่ทำหน้าที่ยึดระหว่างส่วนลำกล้องกับฐาน เป็นตำแหน่งที่จับเวลายกกล้อง
- แท่นวางวัตถุ (specimens stage) เป็นแท่นใช้วางแผ่นสไลด์ที่ต้องการศึกษา
- ที่หนีบสไลด์ (stage clip) ใช้หนีบสไลด์ให้ติดอยู่กับแท่นวางวัตถุ ในกล้องรุ่นใหม่จะมี mechanical stage แทนเพื่อควบคุมการเลื่อนสไลด์ให้สะดวกขึ้น
- ฐาน (base) เป็นส่วนที่ใช้ในการตั้งกล้อง ทำหน้าที่รับน้ำหนักตัวกล้องทั้งหมด
- แหล่งกำเนิดแสง (light source) ทำหน้าที่สะท้อนแสงจากธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟภายในห้อง ให้ส่องผ่านวัตถุโดยทั่วไปกระจกเงามี 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นกระจกเงาเว้า อีกด้านเป็นกระจกเงาระนาบ สำหรับกล้องรุ่นใหม่จะใช้หลอดไฟเป็นแหล่งกำเนิดแสง ซึ่งสะดวกและชัดเจนกว่า
- เลนส์รวมแสง (condenser) ทำหน้าที่รวมแสงให้เข้มขึ้น
- ไดอะแฟรม (diaphragm) อยู่ใต้เลนส์รวมแสงทำหน้าที่ปรับปริมาณแสงให้เข้าสู่เลนส์ในปริมาณที่ต้องการ
- ปุ่มปรับภาพหยาบ (coarse adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพโดยเปลี่ยนระยะโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุ (เลื่อนลำกล้องหรือแท่นวางวัตถุขึ้นลง) เพื่อทำให้เห็นภาพชัดเจน
- ปุ่มปรับภาพละเอียด (fine adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพให้ได้ภาพที่ละเอียดคมชัด 
- เลนส์ใกล้วัตถุ (objective lens) จะติดอยู่กับจานหมุน (revolving nose piece) โดยจานหมุนนี้ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนกำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุ ตามปกติเลนส์ใกล้วัตถุมีกำลังขยาย 3-4 ระดับ คือ 4X, 10X, 40X, 100X ภาพที่เกิดจากเลนส์ใกล้วัตถุเป็นภาพจริงหัวกลับ 
- เลนส์ใกล้ตา (eye piece) เป็นเลนส์ที่อยู่บนสุดของลำกล้อง โดยทั่งไปมีกำลังขยาย 10x หรือ 15x ทำหน้าที่ขยายภาพที่ได้จากเลนส์ใกล้วัตถุให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ให้เกิดภาพที่ตาผู้ศึกษาสามารถ มองเห็นได้โดยได้ภาพเสมือนหัวกลับ

 

 

(ข) stereoscopic microscope (กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบสเตอริโอ)

 

เป็นกล้องที่ประกอบด้วย เลนส์ที่ทำให้เกิดภาพแบบ 3 มิติ ใช้ศึกษาวัตถุที่มีขนาดใหญ่แต่ตาเปล่าไม่สามารถแยกรายละเอียดได้ จึงต้องใช้กล้องชนิดนี้ช่วยขยาย กล้องชนิดนี้มีข้อแตกต่างจากกล้องทั่วไปคือ ภาพที่เห็นเป็นภาพเสมือนมีความชัดลึก และเป็นภาพสามมิติ มีลักษณะและทิศทางเหมือนวัตถุ เลนส์ใกล้วัตถุมีกำลังขยายต่ำ คือ น้อยกว่า 10 เท่า ใช้ศึกษาได้ทั้งวัตถุโปร่งแสงและวัตถุทึบแสง เช่น ปีกแมลง เส้นใบ เป็นต้น 

 

 

 

2. electron microscope (EM)

กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ลำอนุภาคอิเล็กตรอนพลังงานสูงในการตรวจสอบวัตถุแทนแสงธรรมดา เนื่องจากความยาวคลื่นของลำอนุภาคอิเล็กตรอนนั้นสั้นกว่าความยาวคลื่นแสงถึง 100,000 เท่า ทำให้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน สามารถให้ประสิทธิภาพของกำลังขยาย และการแจกแจงรายละเอียดได้เหนือกว่ากล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง โดยสามารถแยกรายละเอียดของวัตถุที่เล็กขนาด 10 อังสตรอม หรือ 0.1 นาโนเมตร

(กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงจะแจกแจงรายละเอียดได้ประมาณ 0.2 ไมโครเมตร จึงทำให้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนมีกำลังขยายสูงมากถึง 500,000 เท่า)

กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนมี 2 ชนิด ได้แก่

             2.1 transmission electron microscope (TEM)

กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน เป็นกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่ใช้ศึกษาตัวอย่างชนิดบางพิเศษ ซึ่งเตรียมขึ้นโดยวิธีพิเศษเพื่อให้ลำอนุภาคอิเล็กตรอนผ่านทะลุได้ การสร้างภาพจากกล้องประเภทนี้จะทำได้โดยการตรวจวัดอิเล็กตรอนที่ทะลุผ่านตัวอย่างนั่นเอง เครื่อง TEM เหมาะสำหรับศึกษารายละเอียดขององค์ประกอบภายในของ ตัวอย่าง เช่น องค์ประกอบภายในเซลล์ ลักษณะของเยื่อหุ้มเซลล์ ผนังเซลล์ เป็นต้น ซึ่งจะให้ รายละเอียดสูงกว่ากล้องจุลทรรศน์ชนิดอื่นๆ เนื่องจากมีกำลังขยายและประสิทธิภาพในการแจกแจง รายละเอียดสูงมาก (กำลังขยายสูงสุดประมาณ 0.1นาโนเมตร)

 

             2.2 scanning electron microscope (SEM)

 

 

กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด เป็นกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่มีกำลังขยายไม่สูงเท่ากับเครื่อง TEM โดยเครื่อง SEM มีกำลังขยาย สูงสุดประมาณ 10 นาโนเมตร

การเตรียมตัวอย่างเพื่อที่จะดูด้วยเครื่อง SEM นี้ไม่จำเป็นที่ตัวอย่างจะต้องมีขนาดบางเท่ากับเมื่อดูด้วยเครื่อง TEM ก็ได้ (เพราะไม่ได้ตรวจวัดจากการที่อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ทะลุผ่านตัวอย่าง) การสร้างภาพทำได้โดยการตรวจวัดอิเล็กตรอนที่สะท้อนจากพื้นผิวหน้าของตัวอย่าง ซึ่งภาพที่ได้จากเครื่อง SEM นี้จะเป็นภาพลักษณะของ 3 มิติ ดังนั้นเครื่อง SEM จึงถูกนำมาใช้ในการศึกษาสัณฐาน และรายละเอียดของลักษณะพื้นผิวของตัวอย่าง เช่น ลักษณะพื้นผิวด้าน นอกของเนื้อเยื่อและเซลล์ หน้าตัดของโลหะและวัสดุเป็นต้น 

 

 

 

3. ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง และอิเล็กตรอน

 

ลักษณะเปรียบเทียบ

กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง

กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน

1. ชนิดของแสง

แสงธรรมดา (λ=400-800 nm)

ลำอิเล็กตรอน

(λ=0.005-100 nm)

2. ชนิดของเลนส์

เลนส์แก้ว

เลนส์แม่เหล็กไฟฟ้า

3. กำลังขยาย

ประมาณ 2,000 เท่า

ประมาณ 500,000 เท่า

4. ขนาดวัตถุที่เล็กที่สุดที่ขยาย

0.2 ไมโครเมตร

0.0005 ไมโครเมตร

5. ภาพสุดท้าย

ภาพเสมือนหัวกลับ

ภาพปรากฏบนจอรับภาพ

6. ภายในลำกล้อง

มีอากาศ

สุญญากาศ

7. สภาพวัตถุที่ใช้ศึกษา

มี หรือไม่มีชีวิต

ไม่มีชีวิต

8. การใช้งาน

ห้องปฏิบัติการทั่วไป

ห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง